HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์มองตลาด IPO เงียบยาวถึงปลายปี 69 เข้าโหมด”รอเวลา”แต่หากดอกเบี้ยโลก-ไทยลง บวกรัฐบาลใหม่หน้าตาดี มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเยี่ยม อาจดึงสภาพคล่องกลับ จับหุ้นใหม่เข้าระดมทุนได้อีกครั้งปลายปี’69
นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้จะมีบริษัทที่เข้ามาระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) รวม 19 ราย เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว 17 ราย และจะมีอีก 2 รายเข้ามาในเดือนธันวาคม รวมมูลค่าการระดมทุนปีนี้กว่า 13,000 ล้านบาท
จากสภาพคล่องที่ลดลง มีผลทำให้อัตราการหมุนเวียนของการหุ้นที่มีการซื้อขายของหุ้น IPO ที่มีการซื้อ-ขายวันแรก หรือ เทิร์นโอเวอร์ ลดลงเหลือ 1 เท่า จากเดิมที่เคยหมุน 3-5 เท่าของหุ้น
สำหรับปี 2569 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับปรุงกระบวนการเข้าตลาดให้เร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุนและดึงดูดบริษัทเข้าจดทะเบียน ควบคู่กับการเพิ่มศักยภาพบริษัทจดทะเบียนเดิม
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านสภาพคล่องและระดับดัชนี (INDEX) ที่เป็นอีกเหตุผลในการดึงดูด IPO เป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่สามารถควบคุมได้
ปัจจุบันตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้านยังคงเข้ามาดึงบริษัทไทยไปจดทะเบียน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นเติบโตดีกว่า
นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า สภาพคล่องในตลาดเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดหุ้น IPO แต่ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมาสภาพคล่องในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศไหลออกไปแล้ว 4.5 แสนล้านบาทและยังไม่กลับมา
หากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 2 รอบในปี 2569 มีความเป็นไปได้ว่าเงินทุนจะไหลกลับเข้ามาในช่วงกลางปี ถึงปลายปี
“Windows” สำหรับการยื่นไฟลิ่ง IPO ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงงบปีออก คือ ประมาณเดือนมีนาคม–เมษายน ของทุกปี
ฉะนั้น การขายหุ้น IPO ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นปลายปี หากดอกเบี้ยปรับลดและตลาดเปิดโอกาส ก็มีแนวโน้มเห็นกิจกรรม IPO กลับมาในปลายปี 2569
นอกจากนี้ ต้องรอดูทีมรัฐบาลชุดใหม่และนโยบายด้านเศรษฐกิจด้วย หากมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น กองทุนลดหย่อนภาษี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้สถาบัน หากมาตรการและดอกเบี้ยเอื้อ ปัญหา IPO ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม ขนาดตลาดที่เล็กลงทำให้สถาบันต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง หุ้น IPO หากไม่แข็งแรงก็ถูกขายออกทันที ต่างจากอดีตที่มีเงินใหม่เข้ามาเสริมเสถียรภาพราคา
“บริษัทที่สนใจเข้าตลาดยังมีต่อเนื่อง ในส่วนของ บล.กสิกรไทย มีลูกค้าอยู่ในแผน IPO 3-4 ราย กลุ่มเทคโนโลยีก็มี แต่สภาพคล่องและบรรยากาศตลาดยังไม่เอื้อ หลายบริษัทจึงยังคง “pending” การยื่นไฟลิ่ง รอ sentiment ตลาดที่ดีขึ้น เพราะไม่ต้องการยื่นแล้วถูกอนุมัติแต่ไม่สามารถขายได้”นายทินพันธุ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานชมรมวาณิชธนกิจ (IB Club) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้นที่จะทำ IPO ทั้งหมดในปี 2569 มีประมาณ 5 บริษัท กระบวนการพิจารณาไฟลิ่งใช้เวลา 5–6 เดือน บริษัทเหล่านี้ IPO ได้เร็วที่สุดคือช่วงปลายปี 2569
หากภาวะตลาดดี บริษัทก็โชคดี แต่หากตลาดหุ้นไม่เอื้อ การขายหุ้นที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน บริษัทฯก็ไม่อยากเข้า ปัจจัยด้าน sentiment ตลาด จึงมีผลต่อราคา IPO ไม่แพ้พื้นฐานธุรกิจ ถ้า valuation หรือราคาหุ้นลดลง ทำให้ P/E ลดลงด้วย เช่นตอนยื่นไฟลลิ่ง P/E อยู่ที่ 18–20 เท่า พอสภาพตลาดไม่ดีเข้าตลาดราคาหุ้นลง P/E ลดเหลือเพียง 10 เท่า ทำให้ต้นทุนการระดมทุนสูงขึ้น บางกรณีสูงถึง 20% ของเงินที่ระดมทุน ซึ่งไม่คุ้มเมื่อเทียบกับการกู้ธนาคาร จากภาวะตลาดหุ้นปกติ ต้นทุนการระดมทุนจะอยู่ประมาณ 7-8%
ส่วนบริษัทใหม่ๆ ที่สนใจ IPO ต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อม 2–4 ปี หากเริ่มวันนี้อาจเข้าตลาดได้ในปี 2571–2572
“ปัจจุบัน บริษัทฯส่วนใหญ่ที่ยื่นไฟลิ่งจะใช้ งบปี มากกว่า งบไตรมาส เพราะนักลงทุนและ underwriters ต้องการความมั่นใจในระบบบัญชีและการตรวจสอบ”นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์จาก เงินปันผลสูง บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกือบถึง 2 หลัก แต่ยังมีความกังวลเรื่องการเติบโตของกำไร แต่ไทยมีศักยภาพจากการเป็นศูนย์กลางธุรกิจ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์
แม้ตลาดเพื่อนบ้านจะพยายามดึงบริษัทไทยไปจดทะเบียน แต่ส่วนใหญ่ยังอยากเข้าตลาดไทยเพราะความคุ้นเคย
