HoonSmart.com>>W เดินมาถูกทาง! งบไตรมาส 3/63 รายได้รวมเพิ่มขึ้นราว 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลมาจากการรับรู้รายได้ธุรกิจอาหารภายใต้บริษัทย่อย “ฟู้ดโฮลดิ้ง” เต็ม 9 เดือน “ศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ” มั่นใจกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัทมีศักยภาพสูง หลังเข้าซื้อแฟรนไชส์ “โดมิโน่ พิซซ่า” ในไทยจะหนุนให้ธุรกิจ Take Off โดยถ้าสามารถทำตามแผนทางธุรกิจที่บริษัทวางไว้ได้ ปี 64 มีโอกาสดันรายได้ยืนเหนือ 400 ล้านบาท และพลิกมีกำไร
มีข้อสังเกตว่าช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ราคาหุ้น บริษัท วาว แฟคเตอร์ (W) กลับมาร้อนแรงอีกครั้งราคาทุบสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น หลังจากที่บริษัทมีการแจ้งข้อมูลเรื่องการขายธุรกิจผลิตอุปกรณ์อีเล็คโทรนิกส์ การรับโอนกิจการ “โดมิโน่ พิซซ่า” แล้วเสร็จ และการแจก W-W5 ประกอบกับการคาดหวังจากนักลงทุนว่าหุ้น W น่าจะสามารถปลด
เครื่องหมาย C ได้หลังงบไตรมาส 3/63 ออก ซึ่งมาจากการที่ฐานทุนของบริษัทที่พลิกกลับมาเป็นบวกหลังได้รับการเพิ่มทุนจนเต็มจำนวนเมื่อช่วงกันยายนที่ผ่านมา โดยราคาหุ้น W เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ปิดตลาดอยู่ที่ 0.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 13.64% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 26.57 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 9 เดือนปี 63 มีรายได้รวมจำนวน 331.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.78 ล้านบาท หรือ 51% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 219.90 ล้านบาท โดยหากพิจารณาตามหมวดหมู่รายได้เกิดจากรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มงวด 9 เดือนปี 2563 อยู่ที่ 125.78 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 38% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมียอดขายอาหารและเครื่องดื่มที่ 91.31 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเล็กน้อยจากกำไรขั้นต้นที่ 52% เหลือกำไรขั้นต้นที่ 49% และในส่วนของรายได้จากการขายที่มาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่อีเล็คโทรนิคส์งวด 9 เดือน ปีนี้อยู่ที่ 205.90 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนรายได้จากการขายที่มาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่อีเล็คโทรนิคส์อยู่ที่ 128.59 ล้านบาท แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25% เหลือ 12% ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แจ้งว่าได้มีการขายส่วนธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่อีเล็คโทรนิคส์ ไปแล้วเมื่อต้นเดือน ต.ค. 63
โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มงวด 9 เดือนปี 2563 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับโมเดลธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัวโดยมีการลงทุนเพิ่มเติมผ่านบริษัทย่อย “ฟู้ดโฮลดิ้ง” ซึ่งเข้าลงทุนในบริษัท อีสเทิร์นควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เครปส์ แอนด์ โค. ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด ในเดือนสิงหาคม 2562 ทำให้สัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 35 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากยอดขายในไตรมาสที่ 1 จำนวน 25 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2 จำนวน 7 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3 จำนวน 3 ล้านบาท ส่วนสาเหตุหลักที่ยอดขายในไตรมาส 2 และ 3 ปี 2563 เพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากประกาศของทางกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม-16 พฤษภาคม 2563 ทำให้ร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ ต้องปรับช่องทางการขายเป็น Delivery และปรับลดราคา เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท วาว แฟคเตอร์ (W) กล่าวว่าแม้ในช่วงที่ผ่านมา W จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์การขายและพัฒนาสูตรอาหาร เพื่อให้เข้ากับช่องทางการขายแบบเดลิเวอรี่ และให้ตอบโจทก์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/63 EBITDA บริษัทย่อยเริ่มพลิกกลับมาเป็นบวก และเชื่อว่าว่าแนวโน้มในปี 2564 ผลการดำเนินงานจะเทิร์นอะราวด์ตามแผน โดยมี “โดมิโน่ พิซซ่า” เป็นสินค้าเรือธงที่ทำให้ธุรกิจ Take Off เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจอาหารมีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างยอดขายในระดับเกิน 400 ล้านบาทในปี 2564 ก่อนขยับเป็น 600-800 ล้านบาท ในปี 2565
ปัจจุบัน W ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) โดยมีแบรนด์ภายใต้การบริหารถึง 7 แบรนด์ ประกอบไปด้วยร้านขนม Bake Cheese Tart, Zaku Zaku และ Rapl, ร้านชาบู Kagonoya, ร้านเสต็ก LeBoeuf และร้านอาหาร Crepes and co. และ QSR พิซซ่าระดับโลก “โดมิโน่ พิซซ่า” ซึ่งเริ่มดำเนินการภายใต้ปีกการบริหารของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา