JMT กำไรพุ่ง 49% ขึ้นแท่นบริษัทบริหารสินทรัพย์เติบโตสูง

HoonSmart.com>> JMT ไตรมาส 3/63 กำไรสุทธิ 283 ล้านบาท พุ่งแรง หนุน 9 เดือนแตะ 717 ล้านบาท เติบโตกว่าปี 62 ทั้งปีกำไรสุทธิ 681 ล้านบาท อวดยอดจัดเก็บโตต่อเนื่อง พิสูจน์ฝีมือทีมบริหารในการบริหารจัดการแม้ในช่วงวิกฤต ตัดต้นทุนกองหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มปลายไตรมาส2/63 หนุนกำไรงวดนี้ ขึ้นแท่นผู้นำบริษัทในกลุ่ม AMC ความสามารถในการทำกำไรสุทธิโดดเด่น บริหารพอร์ตหนี้ 1.95 แสนล้านบาท

สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3/2563 กำไรสุทธิอยู่ที่ 283 ล้านบาท เติบโต 49.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สนับสนุนกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรก ปี 2563 อยู่ที่ 716.9 ล้านบาท เติบโต 48.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมากกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 681.4 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอยู่ที่ระดับ 36%

ส่วนรายได้รวมงวดไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 783.5 ล้านบาท เติบโต 13.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และงวด 9 เดือนแรก ปี 2563 อยู่ที่ 2,310.4 ล้านบาท เติบโต 25.8% เนื่องจาก รายได้จากธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้เพิ่มขึ้น และความโดดเด่นในธุรกิจซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร โดย JMT มียอดจัดเก็บหนี้ที่เติบโตต่อเนื่อง ในไตรมาส 3/2563 โดยมียอดจัดเก็บกระแสเงินสด 985 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ JMT มีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพที่ตัดมูลค่าเงินลงทุนครบเต็มจำนวน (Fully Amortized) เพิ่มเติมในช่วงปลายไตรมาส 2/2563 ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้เต็มที่ ซึ่งปัจจุบัน มีกองหนี้ที่ตัดต้นทุนทั้งหมดรวมประมาณ 43,000 ล้านบาทแล้ว และยังสามารถจัดเก็บหนี้ดังกล่าวได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ รอบ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพแล้ว 2,524 ล้านบาท ทำให้มีพอร์ตสินเชื่อด้อยคุณภาพรวม 195,545 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกัน

“ความสำเร็จในครั้งนี้ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพของ JMT ทำให้กำไรงวด 9 เดือนแรกของเราเติบโตกว่าปีที่แล้วทั้งปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถือเป็นการเติบโตในระดับสูงอย่างโดดเด่นในกลุ่มบริษัทบริหารสินทรัพย์ Asset Management Company (AMC) ย้ำ JMT เป็นเบอร์หนึ่งในการบริหารหนี้แบบไม่มีหลักประกันรายใหญ่ที่สุดในประเทศ” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าหนี้ด้อยคุณภาพในส่วนของหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคของผู้บริโภค ปรับตัวสูงไปอยู่ที่ระดับ 152,000 ล้านบาท ในช่วงปลายไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นไปตามสภาวะหนี้สินครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัทมองว่ามีโอกาสอีกมากที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงิน และช่วยอุตสาหกรรมการเงินของประเทศ ในการปรับโครงสรัางหนี้ เพื่อคืนลูกค้าที่มีศักยภาพทางด้านการเงิน มีเครดิตที่ดี จึงตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนสำหรับใช้ซื้อหนี้ในปีนี้เป็น 5,000 – 6,000 ล้านบาท รองรับการซื้อหนี้ในระบบที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง JMT มีฐานทุนที่แข็งแกร่งและมองว่า ในไตรมาส 4/2563 จะยังเป็นอีกไตรมาสที่ดีของบริษัทฯ ได้