KTAM ไม่หวั่นหุ้นผันผวน ปันผลกองทุน KT-OPP อัตรา 60 สต.

บลจ.กรุงไทย ไม่หวั่นหุ้นผันผวนลุยจ่ายปันผลกองทุน “กรุงไทยออพเพอทูนิตี้” อัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย ถึงมือผู้ถือหน่วย 19 ก.ค.นี้

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุน มีมติการประกาศจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดกรุงไทยออพเพอทูนิตี้ (KT-OPP Class- D ในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ก.ย.2560 – 31 ส.ค.2561 จากผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2561 โดยบริษัทกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 19 ก.ค.2561

ชวินดา หาญรัตนกูล

กองทุน KT-OPP มีนโยบายลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะ โดยกองทุนอาจจะพิจารณานำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในวันที่ 25 ธ.ค.2556 กองทุนมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทุกๆปี รวมจำนวนทั้งสิ้น 5 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.25 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงาน ของกองทุน KT-OPP-D ณ วันที่ 29 มิ.ย.2561 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 2.65% 6 เดือนอยู่ที่ 1.26% 1 ปี อยู่ที่ 1.37%และ3ปี อยู่ที่ 9.19% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 11.55% เมื่อเทียบกับ Benchmark โดยส่วนใหญ่กองทุนจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า Benchmark ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 2.60% 6 เดือนอยู่ที่ 3.24% 1 ปีอยู่ที่ 9.76% 3 ปี อยู่ที่ 5.26% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 5.59%

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 192 เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 ก.ค.2561 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Agricultural Bank of China , Bank of China , AL Khalij Commercial Bank สถาบันการเงินละ 18% ลงทุนในเงินฝาก China Merchanyts Bank และเงินฝากประจำ China Construction Bank Asia สถาบันการเงินละ 14% ลงทุนในบัตรเงินฝากBank of Communications 12% และบัตรเงินเงิน Industrial and Commercial Bank of China 6% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 1.20%ต่อปี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบตามการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติหลังค่าเงินบาทยังคงมีการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตามเงินลงทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่(Emerging Market) จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนและอีกหลายๆ ประเทศ ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยอดซื้อสุทธิจำนวน 3,522 ล้านบาท

ด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุตามความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงจากการแข็งค่าของ USD จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ในขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนยังออกมาดี แต่อัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นและค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดย Fed ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงแข็งแกร่งและยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 2.54% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.72% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.82% ต่อปี