STA ไม่ขัดปธ.บอร์ด ควักเงินส่วนตัวซื้อหุ้น TK

“ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี” ไม่คัดค้าน “ดร.ไวยวุฒิ สินเจริญกุล” ประธานบอร์ด ใช้เงินส่วนตัวซื้อหุ้น TK เพิ่มโอกาสลงทุนผลิตถุงมือยาง หวังให้เวลาบริษัททำ Due Diligence ก่อนสรุปซื้อหุ้น TK ภายใน 31 ธ.ค.นี้

บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทประชุมเมื่อวันที่ 1 0ก.ค.2561 มีมติไม่คัดค้าน ดร.ไวยวุฒิ สินเจริญกุล ประธานกรรมการบริษัทฯและกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ จะเข้าลงทุนในบริษัท ไทยกอง จำกัด (TK) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตถุงมือยาง ผ่านการถือหุ้นของบริษัท ไทยกอง กรุ๊ป จำกัด (TKG) ก่อน ภายใต้คำมั่นที่ดร.ไวยวุฒิ ให้ไว้แก่บริษัทฯ โดยมีกำหนดระยะเวลาที่บริษัทฯ จะสนองตอบเป็นหนังสือว่าบริษัทฯ สนใจจะเข้าลงทุนใน TK หรือไม่ในรูปแบบใดภายในวันที่ 31 ธ.ค.2561

ทั้งนี้ จะเป็นการให้สิทธิแก่บริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียวในการเข้าลงทุนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมใน TK เพื่อนำ TK มาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทฯ โดยใช้ราคาทุน ซึ่งรวมต้นทุนทางการเงิน ที่ดร.ไวยวุฒิ ได้มาซึ่งหุ้น TK และจะให้บริษัทฯ เป็นผู้กำหนดรูปแบบในการลงทุนที่เห็นว่าเหมาะสม โดยระหว่างที่บริษัทฯ ยังมิได้แจ้งการตัดสินใจของบริษัทฯ ดร.ไวยวุฒิ จะไม่ดำเนินการให้ TK จ่ายเงินปันผลหรือลดทุน

บริษัทฯ ได้รับหนังสือจากบริษัท ถุงทอง คอร์ปอเรชั่น (TT) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2561 เสนอขายหุ้น TKG ที่ถืออยู่ 100% โดย TKG ถือหุ้นใน TK สัดส่วน 95% ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตถุงมือยางเพียงบริษัทเดียว โดยได้ระบมูลค่าเสนอขายและข้อจำกัดที่เป็นเงื่อนไขหลัก 2 ประการ คือ 1.TT จะต้องได้รับชำระเงินค่าหุ้น TKG ให้เสร็จภายใน 20 ก.ค.2561 เนื่องจาก TT มีข้อจำกัดด้วยกำหนดระยะเวลาของภาระผูกพันทางการเงินของตนและ 2.ผู้ถือหุ้นรายอื่นใน TK ยังคงมีความประสงค์ที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้น 5% ต่อปี

อย่างไรก็ตามฝ่ายจัดการของบริษัทฯ ได้ศึกษาการเสนอขายหุ้นดังกล่าวและนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาลงทุนใน TK ในการประชุม 25 มิ.ย.2561 ที่ประชุมเห็นว่าการเข้าลงทุนต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลและกิจการ (Due Diligence) ของ TKG และ TK ให้ถี่ถ้วน รวมทั้งควรจัดจ้างที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง รวมถึงร่างสัญญาและประเมินค่ากิจการ ซึ่งต้องใช้เวลาเกินกว่า 2 เดือน และใช้เงินลงทุนมาก แต่ระยะเวลาที่ให้ไม่สามารถขยายออกไปได้

คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติไม่อนุมัติซื้อหุ้น TKG จึงเป็นที่มาที่ดร.ไวยวุฒิ เข้าลงทุนด้วยเงินตนเองภายในเวลาที่ผู้เสนอขายกำหนด เนื่องจากไม่อยากให้บริษัทฯ เสียโอกาสจากการลงทุน ซึ่งจะสร้างประโยชน์ที่คุ้มค่าแก่บริษัทฯ โดยดร.ไวยวุฒิจะรับความเสี่ยงจากการขาดข้อมูลที่เพียงพอด้วยตนเอง (ถ้ามี) หลังจากนั้นจะให้บริษัทฯ เข้าตรวจสอบข้อมูลและกิจการของ TKG และ TT จนประชุมล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2561 คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าบริษัทฯ ไม่ได้เสียประโยชน์จากแนวทางการเข้าลงทุนที่ดร.ไวยวุฒิ เสนอและถือเป็นโอกาสลงทุนในธุรกิจผลิตถุงมือยางที่น่าจะคุ้มค่าของบริษัทฯ จึงมีมติไม่คัดค้าน ทั้งนี้ ดร.ไวยวุฒิ ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในการทำรายการ รวมท้ั้งนายกิติชัย สินเจริญกุล ได้งดออกเสียงในมติดังกล่าว

ด้านดร.ไวยวุฒิ นำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ ว่า ธุรกิจถุงมือยางมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ สามารถขยายกำลังการผลิตของ TK ขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจถุงมือยางให้บริษัทฯ อีกทั้งการลงทุนใหม่เพื่อให้ได้กำลังการผลิตเทียบเท่า TK ในปัจจุบันต้องใช้เวลานานถึง 18-24 เดือน การลงทุนใน TK จึงเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตให้กับบริษัทฯ ได้ทันที จากการวิเคราะห์ในเบื้องต้นโดยเทียบเคียงกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ รายการซื้อขายในอดีตและมูลค่าในการลงทุนใหม่ ราคาที่ผู้เสนอขายเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน