HoonSmart.com>>ทริสเพิ่มอันดับเครดิต “คาราบาวกรุ๊ป” เป็น A จาก A- แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนภาระหนี้ลดลง การลงทุนครบวงจรช่วยเพิ่มอัตรากำไร ขยายตลาดเพื่อนบ้านค่าใช้จ่ายลดฮวบ คาดรักษาอัตรากำไร 25-30% ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จุดอ่อนพึ่งพาสินค้าน้อยชนิด โอกาสการเติบโตที่ค่อนข้างจำกัดของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทย
บริษัททริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เป็นระดับ A จากเดิมที่ระดับ A- ด้วยแนวโน้ม” คงที่” สะท้อนถึงภาระหนี้ที่ลดลงและกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศและโอกาสในการเติบโตในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทต้องพึ่งพาสินค้าน้อยรายการ รวมถึงโอกาสการเติบโตที่ค่อนข้างจำกัดของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศ
ทริสฯประมาณการว่าในช่วงปี 2563-2565 บริษัทจะมีเงินทุนจากดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่มีแผนลงทุนทั้งหมด 3,300 ล้านบาทสามารถใช้กระแสเงินสดภายในสำหรับการลงทุน ดังนั้น ทริสฯคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 100%
นอกจากนี้การลงทุนด้านการผลิตที่ครบวงจรในช่วงปี 2559-2561 เกิดการประหยัดจากขนาด ช่วยให้มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น บริษัทยังเปลี่ยนแนวทางการขยายธุรกิจจากการขยายไปในตลาดสหราชอาณาจักรเป็นตลาดที่ใช้ต้นทุนในการขยายงานน้อยกว่าเช่นในกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่า บริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ให้อยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 25-30% ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
บริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งระหว่าง 22-25% สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง มาจากตราสัญลักษณ์เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี กลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมร้านค้าปลีกมากกว่า 180,000 แห่ง แม้ว่าตลาดได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง ครึ่งแรกของปี 2563 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังลดลง 7% ส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศของบริษัทลดลง 6 % ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสคาดว่ารายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศจะลดลง 5% ในปี 2563 จากนั้นจะฟื้นตัวประมาณ 3% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565 ขณะที่บริษัทมีรายได้จากการส่งออก เพิ่มขึ้น 29% สู่ระดับ 4.4 พันล้านบาท มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในกัมพูชาและเมียนมา ทำให้ครึ่งปี 2563 มีรายได้จากการส่งออก สัดส่วน 51% ตลาดส่งออกหลักคือกัมพูชาคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้จากการส่งออกโดยรวมของบริษัท