CBG ยันรายได้โตเข้าเป้า 25% หยวนต้า-เมย์แบงก์ แนะรอซื้อ

HoonSmart.com>>”คาราบาวกรุ๊ป” เผยโควิดรอบ 2 เมียนมา ปิดย่างกุ้ง ยันไม่กระทบธุรกิจเท่าไตรมาส 2 ออเดอร์เดือนต.ค.เข้ามาแล้ว ยอดขาย CLV ยังโตดี จ่อเปิดโรงงานบรรจุเครื่องดื่มใหม่ในไทยไตรมาส 4 ช่วยลดต้นทุน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 25% ด้านบล.หยวนต้ามองธุรกิจโต เตือนไม่ควรไล่ซื้อ CBG เมย์แบงก์ฯรอจังหวะเข้าสะสมแถว 100-110 บาท บล.ฟินันเซียฯแนะซื้อ มูลค่า 148 บาท บล.กสิกรไทยให้เป้า 153 บาท คาดไตรมาส 3 กำไรนิวไฮ ส่วน”โอสถสภา” นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองราคายังน่าสนใจ

 

นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เปิดเผยกรณีรัฐบาลเมียนมา ประกาศปิดเมืองย่างกุ้ง จากโควิด-19 ในรอบที่ 2 บริษัทคาดว่าได้รับผลกระทบไม่หนักเท่ากับไตรมาส 2/63  ยอดขายยังเติบโตได้ดี มีคำสั่งซื้อของเดือน ต.ค. 63 เข้ามาเรียบร้อยแล้ว และยอดส่งออกของเดือน ก.ย. กำลังเตรียมจัดส่ง ซึ่งบริษัทมีการวางแผนรับมือเพื่อป้องกันความเสี่ยงให้มากที่สุด

ปัจจุบันแผนการตลาดต่างประเทศยังสามารถเติบโตได้ดี แม้ว่าประเทศใน CLV (กัมพูชา ลาว เวียดนาม) มีการเติบโตไม่เท่าเมียนมาก็ตาม ส่วนบริษัทย่อย INTERCARABAO LIMITED (ICUK) ที่ประเทศอังกฤษภาพรวมเติบโต และการโฆษณาในสื่อต่างประเทศ ทำให้มีผู้ลงทุนในต่างประเทศให้ความสนใจ รวมถึงประเทศอัฟกานิสถาน และเยเมน ยอดขายโตต่อเนื่อง บริษัทคาดว่ารายได้ปี 63 มาจากต่างประเทศสัดส่วน 60% ในประเทศ 40% ซึ่งไทยยังมีการเติบโตจากการขายเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ชูกำลัง

ส่วนแผนการเปิดโรงงานบรรจุเครื่องดื่ม ที่อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเฉิงเทรา จะเริ่มทดสอบเครื่องประมาณปลายเดือน ต.ค. นี้ และจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิย์ได้หลังจากทดสอบเดินเครื่อง โดยการเปิดโรงงานใหม่ จะช่วยเพิ่มคุณภาพของการบรรจุ  และสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตที่ 25%

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-18 ก.ย.63) ราคาหุ้น CBG ปรับตัวลงไปต่ำสุด 107 บาท ก่อนปิดที่ 114 บาทและบริษัทโอสถสภา (OSP) ลงลึกที่สุด 36.25 บาท ปิดที่ 37.50 บาท นักวิเคราะห์คาดว่าได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองย่างกุ้ง โดยนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทที่ประกอบธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทย อาทิ CBG และ OSP ได้รับผลกระทบในช่วงสั้นๆ  รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มยังได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ด้วย

ส่วนหุ้น CBG ในช่วงก่อนหน้าราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงกว่าตลาด แต่เมื่อมีปัจจัยเชิงลบทำให้แกว่งตัวลงมาบ้าง แนะนำการลงทุนไม่ควรไล่ตามราคา ส่วน OSP ยังสามารถลงทุนได้ ให้แนวรับที่ 36 บาท ตัดขาดทุนที่ 35 บาท และแนวต้านที่ 40 บาท

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปิดเมืองย่างกุ้งไม่กระทบต่อ CBG และ OSP อย่างมีนัยสำคัญ ยังสามารถลงทุนได้ แนะนำใช้จังหวะราคาย่อลง เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น CBG บริเวณราคา 100-110 บาท บริษัทมีจุดเด่น ผลประกอบการยังเติบโต ส่วน OSP คาดตลาดต่างประเทศจะสะดุดบ้าง แนะนำกลยุทธ์ตั้งรับที่ราคา 35-36 บาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อ ทั้ง CBG และ OSP ที่ราคา 148 บาท และ 43 บาท ตามลำดับ เนื่องจากสามารถเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีรายได้ในประเทศ และประเทศอื่นใน CLV เข้ามาชดเชยรายได้ของเมียนมา ทำให้การปิดเมืองย่างกุ้ง กระทบในช่วงสั้นเท่านั้น อาจจะมีผลต่อการขนส่ง การออกมาบริโภค ส่วนระยะยาวยังเติบโตได้ดี รวมถึงได้มาตรการภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนกลุ่มเครื่องดื่มมากกว่ากลุ่มค้าปลีก

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เมียนมายังต้องพึ่งพาสินค้าจากไทย การปิดเมืองจะกระทบในช่วงสั้นๆ แต่การขนส่งสินค้าไปยังประเทศเมียนมายังดำเนินต่อไป ในช่วงที่หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มปรับลดลง จากปัจจัยปิดเมืองดังกล่าว เป็นโอกาสในการซื้อ ให้ CBG เด่น คาดว่าไตรมาส 3/63 ทำกำไรสูงสุด ให้เป้าหมาย 153 บาท ส่วน OSP ให้ราคาที่ 39 บาท และ MEGA ที่ราคา 41.50 บาท