คอลัมน์ความจริง ความคิด : เก็บทุกที วุ่นทุกที

โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน

ปลายปีที่แล้ว ก็วุ่นไปทีกับการเก็บภาษีที่ดินที่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ประเมินบ้าน หรือ คอนโด ที่เจ้าของโฉนดไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภท “อื่นๆ” หมด ทำให้เจ้าของโฉนดต้องเสียภาษีที่ดินในอัตรา 0.3% หรือล้านละ 3,000 บาท แทนที่จะเสียภาษีแค่ 0.02% หรือ ล้านละ 200 บาท ต่างกันถึง 15 เท่า ทำให้ปลายปีแทนที่จะได้พักผ่อนกัน หลายคนต้องไปที่ อปท. เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง

มาตอนนี้ใกล้สิ้นเดือนสิงหาคมที่เป็นเส้นตายสำหรับการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปรากฏว่าหลายคนยังไม่ได้ใบประเมินเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกันเลย เพราะกังวลกับโทษที่รัฐบาลกำหนด เช่น

1. กรณีค้างชำระภาษี เราอาจถูกสำนักงานที่ดินระงับการจดทะเบียนสิทธิ์ นิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
2. เสียเบี้ยปรับ 10% – 40% ของจำนวนภาษีค้างชำระ ขึ้นอยู่กับว่าเราไปชำระภาษีล่าช้าขนาดไหน
3. เสียเงินเพิ่มในอัตรา 1% ต่อเดือนจากภาษีที่ค้างชำระ

แต่จะเสีย ก็ไม่รู้จะเสียเท่าไหร่ เสียที่ไหน เสียยังไง จนเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเพิ่งออกมาชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียกเก็บและการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับปีภาษี 2563 เพื่อลดความกังวลของประชาชนว่าจะถูกเรียกเก็บเบี้ยปรับและเงินเพิ่มหากไม่มาชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 โดยมีประเด็นสำคัญคือ

การเรียกเก็บและการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ การส่งใบประเมินเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปยังเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในกรณีที่ตรวจสอบใบประเมินดังกล่าวแล้วพบว่าถูกต้อง ผู้เสียภาษีค่อยไปชำระภาษี ซึ่งสามารถดำเนินการได้หลายช่องทาง เช่น สำหรับกรุงเทพมหานครสามารถชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือผ่าน QR code ของระบบ Online Banking ในท้ายใบประเมิน หรือที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง ส่วนในต่างจังหวัดสามารถชำระได้ที่สำนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือตามช่องทางอื่นที่กำหนด (ขอบอกเลยยุ่งยากมาก อย่างผมเองอยู่เขตอำเภอเมืองนนทบุรีใกล้ๆกรุงเทพแค่นี้ จะเสียภาษีที่ดินต้องไปที่ไปรษณีย์เพื่อซื้อธนานัติสั่งจ่ายสำนักงานเทศบาลนครนนทบุรี จะโอนผ่านแบงค์ก็ไม่ได้และแถมต้องแนบซองเปล่าติดแสตมป์จ่าหน้าซองถึงตัวเองด้วยเพื่อรับใบเสร็จรับเงิน คิดแล้วสงสารไปรษณีย์ คงมีคนไปวุ่นที่ไปรษณีย์อีกแน่)

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ประชาชนไม่ได้รับใบประเมินเรียกเก็บภาษี หรือท้องถิ่นขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาในการชำระภาษีออกไป ประชาชนก็จะไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ซึ่งในขณะนี้ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนหนึ่งได้ขยายกำหนดเวลาชำระภาษีออกไปจากสิ้นเดือนสิงหาคม 2563 แล้ว และยังมีอีกหลายแห่งรวมทั้งกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายกำหนดเวลาชำระภาษีดังกล่าว

สำหรับคนที่ต้องการติดต่อสอบถามข้อมูล ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารในเรื่องการขยายระยะเวลาชำระภาษีได้ที่กองรายได้ กรุงเทพมหานคร โทร. 02-221-2141 ถึง 69 และในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสอบถามได้ที่กองคลังในแต่ละเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล ก็แนะนำนะให้โทรสอบถามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ที่ดินเราตั้งอยู่ เพราะยังไงการเสียภาษีเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ยังไงก็ป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ถามข้อมูลให้ครบ เสียภาษีให้ถูกต้อง ปลอดภัยกว่า

สำหรับคนที่ได้รับใบประเมินเรียกเก็บภาษีแล้ว ก็ไปเสียแต่เนิ่นๆเถอะครับ และถ้าพบว่าข้อมูลไมถูกต้อง เราสามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอน ดังนี้

1. ยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อคัดค้านและขอให้ทบทวนการประเมิน ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับแจ้งการประเมินภาษีหรือการเรียกเก็บภาษี

2. กรณีผู้บริหารท้องถิ่นไม่เห็นชอบคำร้องของผู้เสียภาษี ผู้เสียภาษีมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การประเมินภาษี โดยยื่นต่อผู้บริหารท้องถิ่น ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง

3. กรณีผู้อุทธรณ์ไม่พอใจ ผลการวินิจฉัยหรือกรณีคณะกรรมการฯ วินิจฉัยคำอุทธรณ์ไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้อุทธรณ์มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลภาษีอากรภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือวันพ้นกำหนดระยะเวลาแล้วแต่กรณี

สรุป เรามีโอกาส 3 ครั้ง แต่ละครั้งต้องทำภายใน 30 วัน ที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องของข้อมูลรา แต่การคัดค้านและการอุทธรณ์ไม่การทุเลาการชำระภาษี เว้นแต่ ผู้เสียภาษีจะได้ยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นขอให้ทุเลาการชำระภาษีไว้ก่อน แปลว่า เราก็ต้องเสียภาษีไปก่อนภายในกำหนดเวลา แล้วค่อยไปยื่นคำร้องกันทีหลัง

ภาษีที่ดินทำให้รู้เลยว่า มีที่ดินเยอะอาจเป็นทุกขลาภก็ได้ถ้าไม่วางแผนภาษีให้ดีๆ