HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี”ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ สร้างความเข้มแข็งรับมือโควิด – 19 ความผันผวนราคาน้ำมัน ความต้องการที่เปลี่ยนไปและภาวะเศรษฐกิจโลก เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและการทำกำไรทั้งระยะสั้น และระยะยาว
นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2563 คาดความต้องการผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 40 – 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งบริษัทฯ อาจได้รับประโยชน์จากกำไรสต๊อก และจากปริมาณความต้องการของตลาดจะดีขึ้น เป็นผลมาจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของหลายประเทศ ที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 411 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ถึง 8,494 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสภายใต้วิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงต้นทุนในการซื้อน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีขึ้น
บริษัทรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากสถานการณ์โควิด – 19 และสงครามราคาน้ำมันทั้งในระยะสั้น และระยะยาว รักษาความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการทำกำไรผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. Maintain Strong Market Position สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ด้วยการขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศ ควบคู่กับการเสาะหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากการติดตามสินค้าคงคลังของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถเข้าถึงและรู้ถึงความต้องการของลูกค้าแล้ว IRPC ยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ที่ตอบโจทย์วิถีการดำรงชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) และ Mega trend โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยรูปแบบ และวิธีการทำงานร่วมกันระหว่างลูกค้า ฝ่ายการตลาด และนักวิจัยของ IRPC เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการขายผ่าน E – Commerce
2. บริษัทจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุนและปรับลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน( CAPEX & OPEX Reduction) 3. โครงการ Strengthen IRPC บริหารจัดการสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เช่น การเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในช่วงราคาต่ำ (Strategic Crude) เพิ่มช่องทางจำหน่ายน้ำมันทั่วประเทศผ่านระบบท่อ ขุดลอกร่องทางเดินเรือรองรับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันดิบต่อหน่วย พร้อมทั้งนำระบบดิจิทัลมาใช้ทั่วทั้งองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในไตรมาส 2/2563 IRPC มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 4,669 ล้านบาท (8.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น 27% จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลง ประกอบกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี โดยเฉพาะกลุ่มบรรจุภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านดีขึ้น แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมส่วนใหญ่ยังคงถูกกดดันจากความต้องการที่ปรับตัวลดลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด – 19
ส่วนความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นไตรมาส 2 ลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563 และเริ่มฟื้นตัวในเดือนพ.ค. ทำให้ IRPC มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 89 ล้านบาท หรือ 0.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้มีกำไรจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 4,758 ล้านบาท หรือ 8.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุนของ Accounting GIM จำนวน 3,146 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2563 มีผลขาดทุนสุทธิ 411 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ถึง 8,494 ล้านบาท