HoonSmart.com>> “ซีพีออลล์” ไตรมาส 2/63 กำไร 2,887 ล้านบาท วูบ 39.8% พิษโควิด-19 ฉุดรายได้รวมลด 10.7% เหลือ 1.28 แสนล้านบาท งวดครึ่งปีกำไรลด 29% เหลือ 8,532 ล้านบาท ส่งบริษัทลูกร่วมทุน กลุ่ม Dairy Farm International Holding ขายสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามแบรนด์ Guardian ชี้ผลงานดีกว่าโบรกฯ คาดกำไรไตรมาส 2 ทรุด 80%
บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 กำไรสุทธิ 2,887.03 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท ลดลง 39.78% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,794.61 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.51 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิ 8,532.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.89 บาท ลดลง 19.23% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 10,563.80 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.12 บาท
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 128,027 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการปรับตัวลดลงของรายได้จากการขายและบริการของทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อและธุรกิจค้าส่งแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อสยามแม็คโคร ผลกระทบจากมาตรการคุมกรแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ ซึ่งมีความรุนแรงมากสุดในเดือนเม.ย.2563 และลดระดับลงในเดือนพ.ค. และมิ.ย.ตามลำดับ หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ
ปัจจุบันสถานการณ์ COVID-19 ยังมีอยู่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการประมาณการ,กระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงประมาณการรายได้จากการขายและบริการ อัตรากำไรขั้นต้นและงบลงทุนสำหรับปี 2563 ได้
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานของบริษัทปละลริษัทย่อยปลอดภัย และพยายามอย่างยิ่งยวดในการควบคุมให้มีผลกระทบต่อธุรกิจให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติรับทราบการลงนามสัญญาร่วมทุน (Shareholders’ Agreement)ร ะหว่าง บริษัท ออลล์คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 99.99% กับ GCH Investments Pte. Ltd. (กลุ่ม Dairy Farm International Holding ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจด้านสุขภาาพและความงามในเอเชีย) โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อ บริษัท ออลล์การ์ เดี้ยน ในสัดส่วนการถือหุ้น 65% และ 35% ตามลำดับ ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินุุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามภายใต้เครื่องหมายการค้า “Guardian” ในประเทศไทย
นอกจากนี้รับทราบการเพิ่มทุนใน บริษัท ออลล์ เวลเนส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 99.99% โดยเพิ่มทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น 351 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของุุรกิจด้านหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ และธุรกิจ Digital Health ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กำไร CPALL ในไตรมาส 2/2563 ลดลงน้อยกว่าที่โบรกฯ คาด โดยบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งประเมินกำไรสุทธิลดลง 80% จากไตรมาสก่อนและลดลง 76% จากงวดปีก่อนเป็น 1,154 ล้านบาท และคาดวาจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/2563 ด้านบล.เอเซีย พลัส คาดกำไรลดลงเหลือ 663 ล้านบาท
