BBL กำไร 3 พันลบ.เพิ่มสำรอง Q2/63 ธุรกิจโต แบงก์เพอร์มาตาช่วย

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพเปิดกำไรร่วงหนัก ไตรมาส 2 ทำได้ 3,094 ล้านบาท รวมครึ่งปี 10,765.49 ล้านบาท ลดลง 41.41% เหตุตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษรับมือเศรษฐกิจไม่แน่นอน ปลายพ.ค.เริ่มรับรู้รายได้จากแบงก์เพอร์มาตาอินโดฯ หนุนสินเชื่อโต 14.2%  เงินฝากเพิ่ม 20.3%  รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.6%

ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาสที่ 2/63 มีจำนวน 3,094.98 ล้านบาท ลดลง 59.65% จากไตรมาสแรก และลดลง 66.89% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,347 ล้านบาท รวม 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรทั้งสิ้น 10,765.49 ล้านบาท ลดลงประมาณ 41.41% จากที่มีกำไรสุทธิ 18,375 ล้านบาทในระยะเดียวกันปีก่อน

กำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรก ได้รวมผลประกอบการของธนาคารเพอร์มาตาตั้งแต่วันที่ธนาคารเข้าถือหุ้นจำนวน 89.12% เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 63 โดยธนาคารเพอร์มาตามีสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 63 จำนวน 336,964 ล้านบาท และหนี้สินจำนวน 285,022 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ของสินทรัพย์รวม และประมาณ 8% ของหนี้สินรวมของธนาคาร

นอกจากนี้ ธนาคารมีการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อกันเงินสำรองสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่หดตัวจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งยังยากที่จะคาดคะเนเพราะเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบกว้างต่อระบบเศรษฐกิจโลกไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจโดยตรงเหมือนที่ผ่านมาในอดีต

สำหรับผลการดำเนินงาน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.6% หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 1.8% ตามการเติบโตของสินเชื่อ ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 2.31% สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงส่วนใหญ่จากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง สาเหตุหลักจากการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อตาม TFRS 9

ขณะที่มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี 2562 มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.0% โดยธนาคารยังคงดูแลค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัย เน้นการใช้จ่ายที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยด้านสาธารณสุข รวมถึงการดำเนินการปรับปรุงระบบงานให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และชะลอการใช้จ่ายที่ยังไม่จำเป็นในช่วงภาวะซบเซา

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,353,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2%จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.4%จากสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นไปตามประมาณการสินเชื่อที่คาดไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 4.1%ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 170.5%

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงอยู่เคียงข้างและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและก้าวเข้าสู่บริบทใหม่ของการดำเนินชีวิต (New Normal) พร้อมทั้งให้ความสำคัญในการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังทั้งในภาวะเศรษฐกิจปกติและภาวะถดถอย

ด้านเงินกองทุนและสภาพคล่อง ณ วันที่ 30 มิ.ย 63ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,852,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.3%จากสิ้นปี 2562 หากไม่รวมธนาคารเพอร์มาตา เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 8.9%  จากการที่ลูกค้ามุ่งเน้นการบริหารสินทรัพย์โดยเน้นกลยุทธ์เชิงคุณภาพ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 82.5%สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 16.6% 14.0% และ 14.0%ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจหดตัวอย่างหนักทั่วโลกและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ธนาคารกรุงเทพยังคงยึดมั่นแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ควบคู่กับการดำรงฐานะการเงินและเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืนพร้อมก้าวเข้าสู่บริบทใหม่ของการดำเนินชีวิต (New Normal)

อ่านข่าว

หุ้นแบงก์น่าซื้อ แต่ไม่ต้องรีบ แห่ปรับเป้า ครึ่งปีหลังสำรองสูง