HoonSmart.com>> “สิงห์ เอสเตท” วางกลยุทธ์ The Next Normal of Commercial เติมความพร้อมธุรกิจรอบด้าน เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจคอมเมอร์เชียลรอบด้านด้วยกลยุทธ์ Five Agile Developments คาดรายได้ธุรกิจอาคารสำนักงานเป็นไปตามเป้า หลังโควิด-19 ระบาดกระทบเล็กน้อย
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สิงห์ เอสเตท (S) กล่าวถึงธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) ของบริษัทว่า ธุรกิจอาคารสำนักงานของสิงห์ เอสเตท ยังดำเนินงานได้ตามแผน มีผลกระทบบ้างเล็กน้อยในส่วนของพื้นที่รีเทล ที่มีคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการ ซึ่งบริษัทฯ มีมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยที่อาคาร Suntowers – ลูกค้าส่วนมากเป็นรายใหญ่ อยู่กันมานาน และอยู่ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่มาก จึงทำให้โครงการได้รับผลกระทบน้อย
ส่วนอาคาร Singha Complex ก็เช่นกัน ลูกค้ารายใหญ่ได้รับผลกระทบน้อย และยังสามารถเพิ่มลูกค้าได้ด้วยในส่วนพื้นที่ๆ ยังว่างอยู่ จะมีผลกระทบก็คือลูกค้ารีเทลซึ่งทางอาคารก็มีมาตรการช่วยเหลือ โดยภาพรวมการดำเนินงานยังเป็นไปตามแผน ขณะที่อาคาร Metropolis เนื่องจากผู้เช่าเป็นกลุ่ม SME และ Start up ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบทางธุรกิจ และมีการขอหยุด หรือยกเลิกสัญญา
“ในจุดนี้บริษัทมองเป็นโอกาสในการดำเนินกลยุทธ์ใหม่ในทันที เป็นจังหวะที่ดีภายหลังได้เข้าซื้ออาคารนี้มาเมื่อต้นปี ที่จะได้เดินหน้าปรับปรุงอาคารเพื่อให้พร้อมรองรับกับ Next Normal of Commercial ต่อไป โดยคาดว่าในปีนี้ธุรกิจอาคารสำนักงานของสิงห์ เอสเตท จะสร้างรายได้เป็นไปตามเป้า”นายนริศ กล่าว
ปัจจุบันสิงห์ เอสเตท มีทั้งสิ้น 4 อาคารได้แก่ อาคารซันทาวเวอร์ส, อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์, เดอะ ไลท์เฮ้าส์ และอาคารเมโทรโพลิศ พื้นที่รวม 140,000 ตารางเมตร มีอัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยราว 87% โดยอีกหนึ่งก้าวสำคัญของธุรกิจอาคารสำนักงาน ของสิงห์ เอสเตท คือ ก้าวไปสู่การเป็นพื้นที่ Hygienic & Flexibility ที่มีนวัตกรรมรองรับอย่างครบวงจร เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
นายนริศ กล่าวว่า ขณะนี้หลายคนพูดถึง New Normal ในธุรกิจต่างๆ ซึ่งสิงห์ เอสเตท ก็ให้ความสำคัญเช่นกัน แต่จะพยายามมองข้ามไปอีกก้าวหนึ่ง หรือการมองไปถึง The Next Normal of Commercial มากกว่า โดยมองว่า ธุรกิจนี้จะแข่งขันกันเพิ่มขึ้นในด้านการใหับริการที่ครบถ้วน การดูแลด้านสุขอนามัย ฟังก์ชั่นของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยืดหยุ่น ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย พื้นที่ใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยน หรือออกแบบเองได้
“ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้สร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยปัจจุบันผ่านมาแล้ว 5 เดือน ทุกธุรกิจยังต้องคอยปรับตัวอยู่ตลอด และที่สำคัญต้องมีการวางแผนในระยะยาวเพื่อรับมือกับพฤติกรรม และการใช้ชีวิตในอนาคตที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสิงห์ เอสเตท มองไปถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานคู่ขนาน ร่วมกับการพัฒนาแผนงานเพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในด้านต่างๆ ซึ่งธุรกิจอาคารสำนักงานเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก”นายนริศ กล่าว
พร้อกันนี้บริษัทได้วางกลยุทธ์ Five Agile Developments เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของธุรกิจ ประกอบด้วย
Agile Tool Development คือ การพัฒนาเครื่องมือ และระบบของอาคาร เช่น ระบบดูแลด้านสุขอนามัยของอาคารแบบครบวงจร การเพิ่มระบบต่างๆ เพื่อรองรับการใช้ชีวิต และการทำงานให้สะดวกขึ้น (Cloud system management, E-Tax/Revenue, Intelligent parking, Delivery platform and Cashless society) เพื่อให้สอดรับกับสังคม Social distancing
Agile Target Development คือ การปรับ ขยายตลาดเป้าหมาย รวมถึงเครื่องมือใหม่ๆ ในการรองรับลูกค้าทั้งรายใหญ่ และรายย่อย โดยนอกจากบริการดูแลสุขอนามัยแบบครบวงจรแล้ว ยังเพิ่มทางเลือกที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น การสร้างพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย การให้บริการ Flexibility space, Ready to move in office, Co separate working space รวมไปถึง Island pod หรือพื้นที่ทำงานย่อยส่วนบุคคล
Agile Business Development คือ การพัฒนา มองหาการเพิ่มบริการ และช่องทางธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงการต่อยอดจากทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว โดยเน้นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเป็นหลัก
Agile Process Development คือ ยกระดับการดำเนินงานด้วยเครื่องมือที่ช่วยลดระยะเวลา นำนวัตกรรมและโปรแกรมต่างๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด รวมถึงการพัฒนาบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ ให้มีการอัพเดทเทรนด์ และความรู้อยู่ตลอดเวลา
Agile Unite Development คือ การมองในภาพรวม การสร้างสังคมของการอยู่ร่วมกัน พัฒนาเครื่องมือในการสนับสนุน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งเจ้าของอาคารและผู้เช่า หรือระหว่างผู้เช่าด้วยกัน อาทิ Virtual market platform รวมถึงยังเพื่อสร้างสังคมที่ดีจากภายใน ไปถึงสังคมรอบข้าง นำไปสู่สังคมคุณภาพ และยั่งยืน