ธปท.ลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อ 2-4% อัดฉีดรายย่อยเพิ่ม ก่อนเป็น NPLs

HoonSmart.com>>ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการระยะที่สองช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ปรับลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 18% เหลือ 16% สินเชื่อส่วนบุคคลจาก 28% เป็น 25% สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจาก 28% เป็น 24% เพิ่มวงเงินให้ลูกค้าที่จ่ายดีและยังไม่เป็น NPLs เร่งปรับโครงสร้างหนี้ช่วยทันท้วงที ลดภาระหนี้และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. 2563 ธปท. ได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาเป็นลำดับ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ นั้นจะทยอยครบกำหนด ธปท. จึงได้หารือกับผู้ให้บริการทางการเงิน ประกอบด้วย สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ สมาคมและชมรมของผู้ให้บริการทางการเงินรวม 9 แห่ง ออกมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย สรุปสาระสำคัญ

1. ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป 2 – 4% ต่อปี สำหรับบัตรเครดิตจาก 18% เหลือ 16% และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 2563)  ซึ่งสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีวงเงินหมุนเวียน และที่ผ่อนชำระเป็นงวด จาก 28% เป็น 25% ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจาก 28% เหลือ 24%

2.เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ประเภทวงเงินหมุนเวียนหรือที่ผ่อนชำระเป็นงวด สำหรับลูกหนี้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเติม และมีพฤติกรรมการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท ขยายวงเงินจากเดิม 1.5 เท่า เป็น 2 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 (มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 2563)

3.มาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563) ขยายขอบเขตและระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และไม่เป็น NPLs ณ วันที่ 1 มี.ค. 2563

ผู้ให้บริการทางการเงินต้องจัดให้มีทางเลือกความช่วยเหลือขั้นต่ำให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้เลือกตามประเภทสินเชื่อ เช่น การผ่อนชำระขั้นต่ำ การเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาว การลดค่างวด การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น เป็นต้น และกำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจของลูกหนี้ เช่น เปรียบเทียบภาระหนี้เดิมและหนี้ใหม่ จำนวนหนี้และจำนวนงวดที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ต้องจ่ายเพิ่มจากการขอเลื่อนชำระหนี้

ทั้งนี้การช่วยเหลือตามมาตรการขั้นต่ำ จะไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ จึงไม่สามารถเรียกเก็บเบี้ยปรับ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และในกรณีที่ลูกหนี้ประสงค์จะชำระหนี้ก่อนกำหนด จะต้องไม่มีการคิดค่าเบี้ยปรับ (prepayment fee)

สำหรับลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ Call Center หรือส่งข้อความ SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1ก.ค.-31 ธ.ค. 2563

4.ผู้ให้บริการทางการเงินต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ลูกหนี้ เช่น การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เปลี่ยนสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาว เลื่อนการชำระค่างวด ลดดอกเบี้ย และกรณีลูกหนี้ี่ได้รับผลกระทบจนเป็น NPLs ขอให้พิจารณาชะลอการยึดทรัพย์ ธปท. เชื่อมั่นว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมระยะที่ 2 นี้ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที ลดภาระหนี้และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และมีวิธีปฏิบัติต่อลูกหนี้ในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด

อ่านข่าว

ช็อค! ธปท. สั่งแบงก์งดปันผลกลางปีนี้ ห้ามซื้อหุ้นคืน รักษาเงินกองทุนแกร่ง

บล.กสิกรฯ คาดหุ้นแบงก์ดิ่ง 3-4% โยกเข้าพลังงาน-ไฟฟ้า

คาด TISCO-KKP เจ็บหนัก MTC ไม่กระทบ ลดดอกเบี้ย