HoonSmart.com>>หุ้นธนาคารพาณิชย์ นอนแบงก์ กอดคอกันร่วง เป็นโอกาสให้เลือกซื้อของถูก หลังมีกระแสข่าวธปท.ขอให้ลดดอกเบี้ย กระหน่ำดัชนีกลุ่มแบงก์ลดลง 2.18%% KKP ร่วง 5.76% TISCO -4.47% สอดคล้องกับบล.เอเซียพลัสคาดว่าทั้งสองแห่งกระทบมากจากพอร์ตสินเชื่อรายย่อยสูงกว่า 79% และ 61% ตามลำดับ ส่วน MTC-SAWAD ไม่กระเทือน บล.ทิสโก้คาด “เมืองไทย แคปปิตอล” KTC- AEONTS มีผลค่อนข้างจำกัด ส่วน KBANK เจอบล.เมย์แบงก์ฯหั่นเป้าราคาจาก 100 บาทเหลือ 80 บาท สินเชื่อธุรกิจท่องเที่ยวทรุดอีกนาน 3 ปี กังวลเกิด NPLs
วันที่ 18 มิ.ย. 2563 นักลงทุนพร้อมใจกันทิ้งหุ้นธนาคารพาณิชย์ หุ้นลิสซิ่ง และบัตรเครดิต ตั้งแต่เปิดตลาด จากกระแสข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดชุดต่อไป หลังจากมาตรการปัจจุบันครบอายุในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ โดยขอความร่วมมือในการลดดอกเบี้ยและลดเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ คาดว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563 เป็นต้นไป แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ปรับตัวลงแรง เป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เลือกซื้อ โดยเฉพาะหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ เช่น บริษัทเมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดต่ำสุดที่ 52.50 บาท ก่อนที่จะดีดขึ้นไปสูงสุดถึง 56 บาท ปิดที่ 55.50 บาท +1.75 บาทหรือ +3.26% ส่วนหุ้นธนาคารปรับตัวลงเกือบยกแผง ธนาคารเกียรตินาคิน(KKP) ลงหนักสุด 5.76% ปิดที่ 45 บาท ตามด้วย ธนาคาร ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO) ปิดที่ 74.75 บาท ลดลง 4.47% ธนาคารแห่งอื่นปรับตัวลง 2% อาทิ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ลดลง2.01% หรือ 2 บาทปิดที่ 97.75 บาท แต่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ลดลงเพียง 1% เศษ หรือ 1.50 บาท ปิดที่ 116.50 บาท เพราะมีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยไม่มากนัก
บล.เอเซียพลัสประมาณการว่าในปี 2563 ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ จะมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)เฉลี่ย 2.79% โดยทุก 0.01% ของ NIM ที่ลดลง จะส่งผลต่อกำไรกลุ่มฯ ประมาณ 5% จากที่คาดไว้ 1.47 แสนล้านบาท
ส่วนผลกระทบแต่ละธนาคาร พิจารณาจากพอร์ตสินเชื่อรายย่อย พบว่า TISCO มีสัดส่วนสูงสุด 79% ตามด้วย KKP 61% TMB 56% ส่วน BBL มีสัดส่วนเพียง 15% สำหรับ นอนแบงก์ คาดว่า SAWAD และ MTC ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ลดลงครั้งนี้
บล.ทิสโก้ แนะนำหุ้น MTC เนื่องจากดอกเบี้ยที่ต่ำกว่ากลุ่ม ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดจากการลดเพดานดอกเบี้ยลง ส่วนการลดดอกเบี้ยบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล จากการศึกษาอ้างอิงข้อมูลจากปี 2560 พบว่าผลกระทบต่อ KTC และ AEONTS มีค่อนข้างจำกัด นอกจากนี้แนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้น จากปริมาณลูกค้าและผลตอบแทนของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ “ขาย” หุ้น KBANK หลังปรับลดราคาเป้าหมายจาก 100 บาท เหลือ 80 บาท/หุ้น ซื้อขายบน (P/BV ปี 2563 ที่ 0.46 เท่า และ ROE 7.6%) เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอ เชื่อว่าเป้าหมาย P/BV ที่ระดับต่ำกว่า 0.5 เท่านั้นถือว่าเหมาะสม เนื่องจาก ROE ของธนาคารจะยังคงอยู่ต่ำกว่า 5.0% สำหรับปี 2563-2565
ดร.สมประวิณ มันประเสิรฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะติดลบ 5% ในปี 2563 โดยมีความเป็นไปได้มากที่เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ และภาคธุรกิจต่างๆ จะเริ่มปรับตัวรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะชัดเจนมากขึ้นในปี 2564
“วิจัยกรุงศรี คาดเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในรูปแบบตัวยู และอาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งกว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ โดยแต่ละอุตสาหกรรมจะใช้เวลาในการฟื้นตัวไม่เท่ากัน”ดร.สมประวิณกล่าว