STARK เตรียมเข้า SET50- MSCI บิ๊กล็อตสถาบัน ดันฟรีโฟลทขยับ

HoonSmart.com>>“ สตาร์ค”  เตรียมเข้า SET 50-SET 100 และ MSCI หลังบิ๊กล็อตนักลงทุนสถาบัน 1.69 %   “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” ผู้บริหาร มั่นใจไม่กระทบราคาหุ้นบนกระดาน เผย มีโบรกเกอร์ต่างชาติ 2-3 ราย สนใจลงทุนหุ้น STARK

 

                                                     ชนินทร์ เย็นสุดใจ

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ( STARK ) เปิดเผยว่า วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ทำรายการซื้อขายรายใหญ่ ( BIC LOT ) หรือบิ๊กล็อต ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุน High Net Worth จำนวน 402.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.69 % ของหุ้นชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท  ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 1.85 บาท  ซึ่งราคาดังกล่าว เป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาขายแก่นัลงทุนสถาบัน ซึ่งโดยมาก จะต้องมีส่วนลด ( Discount ) บางส่วน เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายที่มาก

ประธานกรรมการ กล่าวว่า  การทำบิ๊กล็อต ครั้งนี้ เป็นการเพิ่มสภาพคล่อง หรือการถือหุ้นของนักลงทุนรายย่อย ( Free Float )  ส่งผลให้ฟรีโฟลท์ เพิ่มเป็น 11.40%  ซึ่งตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ต้องมีฟรีโฟลท์ 15 % ขณะนี้มีโบรกเกอร์ต่างชาติ 2-3 ราย ให้ความสนใจติดต่อขอลงทุนหุ้น STARK

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการทำบิ๊กล็อต นาย วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และกลุ่มบริษัท สตาร์ค อินเวสเมนท์ คอร์เปอเรชั่น  ยังถือหุ้นรวมกัน 88.6% โดยมั่นใจว่าการทำบิ๊กล็อต จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น STARK บนกระดาน

“ การทำบิ๊กล็อตครั้งนี้ เป็นการขายเพื่อสนองตอบความต้องการของนักลงทุนบางส่วนเท่านั้น  เป็นการเชื้อเชิญนักลงทุนกลุ่ม High Net Worth และสถาบัน เข้าซื้อเพิ่มเติมในตลาดหลักทรัพย์  เชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาตลาดนัก และยังทำให้ฟรีโฟลท์ของหุ้นสตาร์ค จากเดิมไม่ถึง 10 % เพิ่มขึ้นเป็น 11.40 % โดยคุณวนรัชต์ และกลุ่ม สตาร์ค อินเวสเมนท์ ยังถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 88.6 %  ซึ่งการเพิ่มฟรีโฟลท์ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ SET50 และ SET 100 รวมทั้งการเข้าคำนวณดัชนี  MSCI ด้วย “ นายชนินทร์ กล่าว

นาย ชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ กล่าวอย่างมั่นใจว่า   ผลประกอบการ ของบริษัทปี 2563  นี้ จะเติบโตที่สูงมากเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจาก ในไตรมาส 2 /2563 จะเริ่มรับรู้ผลประกอบการบริษัทสายไฟในเวียดนาม และบริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล (  TCI  ) รวมถึงงานในมือของบริษัทย่อย อดิสร มูลค่า 4,300 ล้านบาท

นอกจากนั้น สตาร์คยังพร้อมขยายการเติบโตจากธุรกิจหลักสายไฟ , ธุรกิจการลงทุน และการเติบโตจากการซื้อกิจการเพิ่มเติมในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง  โดยเฉพาะโรงงานผลิตสายไฟในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  เป็นช่วงที่ดีในการเข้าซื้อกิจการเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และ ช่องทางการจำหน่ายที่มากขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งในการซื้อไม่มาก รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีต้นทุนการเข้าซื้อที่ต่ำ และความสามารถทำกำไรมา