PRM ตุน 2 พันล้านซุ่มซื้อกิจการ-ต่อเรือใหม่

PRM คาดรายได้ปีนี้ใกล้เคียงจากปีที่แล้ว แม้ว่าธุรกิจหลายยูนิตยังขาดทุน เหตุมีรายได้จาก “Big Sea” เข้ามาทดแทน เผยเตรียมเงิน 2,000 ล้านซุ่มซื้อกิจการ-ต่อเรือเพิ่ม

นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ น่าจะสูงกว่าไตรมาส 1 และอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ขณะที่ไตรมาส 3 หรือตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นไป บริษัทเริ่มจะรับรู้รายได้และกำไรจากบริษัท บิ๊ก ซี (Big Sea) ซึ่งจะทำให้รายได้ช่วงไตรมาสที่ 3 และ4 เติบโตอย่างก้าวกระโดด และทำให้ทั้งปี 2561 บริษัทมีรายได้และกำไรไม่ต่ำกว่าปีแล้ว

สำหรับปี 2561 บริษัทมีรายได้ 4,693 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้ 1,082 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,141 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 298 ล้านบาท

“รายได้และกำไรปีนี้น่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แม้ว่าธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกจะมีผลขาดทุน แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของค่าระวางเรือ ส่วนธุรกิจเรือเก็บน้ำมันตอนนี้เราลดเรือจาก 6 ลำเหลือ 4 ลำ ทำให้เราใช้ถังเก็บได้เต็ม 100% จากเดิม 81% คาดว่าธุรกิจนี้จะกลับมามีกำไรไตรมาส 3 โดยเฉพาะธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันและเคมีในประเทศจะสร้างรายได้เพิ่มเกือบเท่าตัว หลังรับเรือของ Big Sea เข้ามา 14 ลำ”นายชาญวิทย์กล่าว

ชาญวิทย์ อนัคกุล

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน PRM มีเรือ 28 ลำ และจะรับเพิ่มอีก 1 ลำภายในสิ้นปีนี้ ส่วนครึ่งแรกของปีหน้าจะรับเรือเพิ่มอีก 4 ลำ รวมเป็น 33 ลำ เป็นเรือขนส่งในประเทศ 15 ลำ เรือขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ 2 ลำ ที่เหลือเป็นเรือเก็บน้ำมันและเรืออื่นๆ อย่างไรก็ตาม จากการเข้าซื้อกิจการ Big Sea ที่มีเรือขนส่ง 14 ลำ ส่งผลให้ PRM มีเรือขนส่งน้ำมันและเคมีในประเทศขนาด 2,000-3,000 ตัน รวม 29 ลำ และมีมาเก็ตแชร์ในประเทศเพิ่มเป็น 49% จากเดิม 32%

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า แม้ว่า PRM จะมีภาระจากลงทุนซื้อเรือและลงทุนในบริษัท Big Sea แต่ด้วยวิธีการบริหารทางการเงิน ทำให้บริษัทจะมีเงินสดเหลืออยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนซื้อกิจการเพิ่ม หรือต่อเรือใหม่เพื่อขยายกองเรือ แต่ทั้งนี้ การใช้เงินลงทุนดังกล่าวจะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำเรตติ้ง เพื่อให้บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ที่มีต้นทุนการเงินต่ำลงได้

สำหรับราคาหุ้น PRM ที่ลดลงต่อเนื่องนั้น นายชาญวิทย์ กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุ และยืนยันว่า แม้ว่า PRM และบริษัท ออยล์ (seaoil) จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกัน แต่คณะกรรมการและทีมบริหารเป็นคนละทีมกัน และไม่ก้าวก่ายการทำงานกัน