บลจ.ภัทรชี้ไตรมาสแรกหุ้นดิ่ง 30% โอกาสซื้อลงทุน เสิร์ฟกอง SSF เน้นหุ้น ESG

HoonSmart.com>> บลจ.ภัทร เปิดเสนอขายกองทุนเปิดภัทร SET50 ESG หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมพิเศษ (PHATRA SET50 ESG-SSFX) ลงทุนตลาดหุ้นไทย พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ชี้หุ้นไทยไตรมาสแรกร่วงกว่า 30% ผลกระทบโควิด 19 และสงครามน้ำมัน กดหุ้นหลายตัวราคาต่ำเกินพื้นฐาน มองโอกาสซื้อลงทุนระยะยาว

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ภัทร บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า บลจ. จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดภัทร SET50 ESG หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมพิเศษ (PHATRA SET50 ESG-SSFX) ในระหว่างวันที่ 1 – 8 เมษายน 2563 โดยกองทุนนี้เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

กองทุนมีเป้าหมายเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET 50 โดยจะคัดเลือกหุ้นตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทจัดการกำหนด เช่น หลักเกณฑ์ด้านปัจจัยพื้นฐาน หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) เป็นต้น โดยกองทุน PHATRA SET50 ESG-SSFX นี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนไปในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น โดยต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 นี้ ได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 30% เนื่องมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1) การเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ไม่ว่าภาคการท่องเที่ยว การผลิต หรือการบริการหยุดชะงักลง และ 2) ความขัดแย้งระหว่างประเทศซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันทำให้ราคาน้ำดิบโลกปรับลดลงกว่าร้อยละ 40 ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและโรงกลั่น

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงไทย ได้ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงและอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบเป็นจำนวนสูงมาก ประกอบกับรัฐบาลในหลายประเทศและไทยได้เริ่มอนุมัติงบประมาณทางการคลังช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ทำให้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยเริ่มลดลง

“แม้ว่าแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 ต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการของโรคระบาดเป็นสำคัญว่าจะลดความรุนแรงลงในระยะเวลายาวนานเพียงใด แต่ในมุมของการลงทุนระยะยาวแล้ว ในปัจจุบันมีหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีหลายตัว มีมูลค่าอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าที่ควรจะเป็น จึงนับว่าเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว บลจ.ภัทร จึงขอเสนอทางเลือกสำหรับการลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐาน อีกทั้งมีการดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลที่ดีให้แก่นักลงทุนไทยผ่านการลงทุนในกองทุนเปิดภัทร SET50 ESG ชนิดเพื่อการออมพิเศษนี้เอง” นายยุทธพล กล่าว

ทั้งนี้ กองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) มีขึ้นเพื่อช่วยส่งเสริมการออมระยะยาว โดยรัฐให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ลงทุนสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท แยกต่างหากจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน SSF ปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมของเงินสะสม เงินสมทบหรือค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณอายุทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้จะต้องซื้อหน่วยลงทุนกองทุนเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) นี้ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด กองทุนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการออมระยะยาวอีกทั้งได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอีกด้วย