HoonSmart.com>>เซ็นทรัลพัฒนาจัดงบ 2.2 หมื่นล้านบาทปรับปรุงศูนย์การค้า เพิ่มยอดคนเข้าห้าง 5% ส่วนซาบีน่าตั้งเป้ารายได้โต 5-10% เน้นขยายตลาดออนไลน์ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หวังรัฐกระตุ้นกำลังซื้อ-ท่องเที่ยว ยอมรับปีนี้พลาดเป้าจากเศรษฐกิจชะลอ โชคดีได้กำลังซื้อเวียดนามช่วย
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งงบลงทุนราว 2.2 หมื่นล้านบาท เพื่อปรับปรุงรูปแบบและปรับบางโซนของศูนย์การค้าในเครือให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น รวมทั้งจัดกิจกรรม แคมเปญ และ โปรโมชั่นตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดลูกค้าไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าผลักดันจำนวนผู้ใช้บริการศูนย์การค้าในเครือเพิ่มขึ้น 5% จากปี2562 มีผู้ไช้บริการศูนย์การค้ารวมเฉลี่ย 1.2-1.3 ล้านคน/วัน เบื้องต้นศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 2 และเซ็นทรัลรามอินทรา จะเป็นการรีโนเวทครั้งใหญ่
กลุ่มลูกค้าของบริษัท มีสัดส่วนชาวไทยและนักท่องเที่ยว อยู่ที่ 70:30 บริษัทยังคงคาดหวังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในปี 2563 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักมากขึ้น หลังจากนักท่องเที่ยวชะลอตัวลงช่วงต้น-กลางปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะชาวจีน
ปัจจุบันการแข่งขันขอศูนย์การค้า ผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มหันมาปรับปรุงให้เข้าถึงการใช้ชีวิตให้เป็น Lifestyle Center อย่างแท้จริง และต้องปรับตัวให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การสร้าง Co-working space การเพิ่มพื้นที่นั่งเล่น โซนครอบครัว โซนเด็ก โซนกีฬา และโซนสัตว์เลี้ยง ส่วนก
นอกจากนี้บริษัทเตรียมดึงพันธมิตรที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติเข้ามาร่วมทุนในโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เพื่อผลักดันให้เป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันมีร้านค้าเปิดให้บริการแล้ว 80-90% จำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการ 16,000-17,000 คน/วัน เป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าเกือบทั้งหมด การเปิดร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ทำให้มีการเข้าไช้บริการและการจับจ่ายมากขึ้น
ทางด้านนายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซาบีน่า (SABINA) กล่าวว่า ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-10% จะเน้นการเติบโตในตลาดผ่านค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน จะหาช่องทางการขายสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น และจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU เข้ามากระตุ้นตลาดหลังจากปี 2562 รายได้เติบโตพลาดเป้าหมายเหลือ 7-8% จากเดิมตั้งไว้ถึง 10% ในช่วง 9 เดือนแรกเติบโตเพียง 7% ได้รับผลกระทบหลักจากเศรษฐกิจชะลอตัว และลูกค้าในสหภาพยุโรปชะลอการรับสินค้าออกไป คาดว่าไตรมาส 4 จะฟื้นตัวได้บ้าง
อย่างไรก็ตามอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 11.65% หลังจาก 9 เดือนทำได้แล้ว 12.71% เกิดจากการบริหารจัดการต้นทุนได้ค่อนข้างดี และเน้นขยายยอดขายผ่านค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน ไม่ว่าจะเป็นตลาด Online ผ่าน TV และการขายสินค้าผ่านช่องทางอื่นๆอีก ซึ่งมีต้นทุนที่คงที่
นอกจากนี้ยังมีการขยายตลาดใหม่ๆต่อเนื่อง ในต่างประเทศได้เจรจากับลูกค้าในยุโรปที่ขายสินค้าไปยังสหรัฐ ไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี และยังมีลูกค้าในสหรัฐเริ่มเข้ามาคุยเพิ่มเติม ขณะเดียวกันยอดขายกลุ่มประเทศ CLMV ก็เติบโตมาก ในไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 102 %โดยเฉพาะเวียดนามที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงถึง 7.1%
“เศรษฐกิจเวียดนามคึกคักมาก ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง ขณะที่สินค้าแบรนด์ซาบีน่า ทั้งดีไซน์และคุณภาพ รวมถึงราคาเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคเวียดนามอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ เราเปิดตัวคอลเลคชั่นบราเกาะอก “บอดี้ บรา” โดยมีใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เป็นพรีเซนเตอร์ ยิ่งกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี เพราะใบเฟิร์นมีแฟนคลับ ทั้งในเวียดนาม จีน และฟิลิปปินส์ ที่ติดตามโซเชียลของใบเฟิร์นเป็นจำนวนมาก เมื่อผนวกกับสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ก็ยิ่งทำให้เกิดการซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น” นายบุญชัยกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวว่า ซาบีน่ายังคงเดินหน้าที่จะทำตลาดในทุกช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และช่องทางรีเทล ล่าสุดได้ผนึกความร่วมมือกับ “โพเมโล” ผู้บริหารเว็บไซต์ www.pomelofashion.com ซึ่งเป็นธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ รายใหญ่ที่เน้นจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น รวมถึงของใช้ของผู้หญิงมีผู้เข้าชมมากกว่า 2.7 ล้านคนต่อเดือน เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของโพเมโล สามารถนัดรับสินค้าและลองสินค้าได้ที่ซาบีน่า ช้อป 23 สาขาทั่วกรุงเทพฯ เป็นบริการ “Pomelo Pick Up ลองก่อน จ่ายทีหลัง” ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินเฉพาะชิ้นที่พึงพอใจ ซาบีน่าได้มอบให้โพเมโลเป็นช่องทางขายออนไลน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟเพียงช่องทางเดียวสำหรับสินค้าคอลเลคชั่น “แมด มัวแซล อินทิเมทส์” (Mad Moiselle Intimates) ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มไฮแฟชั่นของซาบีน่า ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่า จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้ให้คึกคักขึ้นได้อย่างแน่นอน
ทางด้านผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 847.5 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 116.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3 ล้านบาทคิดเป็น 5.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 7.3% ขณะที่ช่องทางรีเทล ผ่านทั้งเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช้อป ลดลง 2.6% การรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ในยุโรปลดลง 11.9% ตามภาพรวมเศรษฐกิจโลกจากการไม่แน่นอนของสงครามการค้า ส่วน 9 เดือนแรกมีรายได้ 2,490.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 316.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 10.6%