HoonSmart.com>>”ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์”(TEGH) คงเป้ายอดขายปี 68 ที่ 22,000 ล้านบาท แม้ไตรมาส 3 การแข่งขันจะสูงขึ้น และยังต้องสต็อกสินค้าช่วงปลายไตรมาส พร้อมเล็งมาตรฐาน EUDR-ดอกเบี้ยขาลง-ภาษีทรัมป์ เกื้อหนุนธุรกิจ ยังคงแผนนำ TEBP เข้าตลาด mai ภายในปีนี้
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดเผยว่า ปี 2568 ยอดขายของบริษัทฯคงเป้าไว้ที่ 22,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณในครึ่งปีหลังก็คงจะเป็นไปตามเป้า แม้ว่าในไตรมาส 3 อาจจะต้องเข้าสู่ภาวะการแข่งขันที่มากขึ้น และปลายไตรมาส 3 จะต้องสต็อกสินค้า สำหรับไตรมาส 4 และไตรมาส 1/2569 จะขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวราคาในช่วงปลายไตรมาส 3 ด้วย
“ปัจจัยที่มองเป็นบวกต่อบริษัท ก็คือ มาตรฐาน EUDR สำหรับยางเป็นจุดแข็ง และ Supply Chin เราเข้มแข็ง และ EUDR ที่เราทำอยู่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 40% ไตรมาส 4 อาจมากขึ้น ถ้า EU ไม่มีประกาศเลื่อน และพรีเมียมจะดีขึ้น ปัจจัยบวกประการที่ 2 จากดอกเบี้ยที่จะลดลง ทำให้ต้นทุนทางการเงินของเราลดลง เรามีสภาพคล่องที่เพียงพอ รวมถึงบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ หากมองอีกด้านภาษีทรัมป์เป็นโอกาสของเราด้วยซ้ำ เพราะมีลูกค้าอยู่ที่อเมริกาความต้องการ เป็นโอกาสที่จะเปิดตลาด หรือขยายตลาดในอเมริกาได้มาก ส่วนยุโรปได้เห็นสัญญาณของการกลับมาแล้ว จากที่มองไว้ว่าอาจจะ Slow down”
ส่วนปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งสงครามการค้า ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เศรษฐกิจชะลอตัว สิ่งที่บริษัทวิเคราะห์อยู่แล้วคือภูมิรัฐศาสตร์ จึงมีการกระจายลูกค้า ลดการพึ่งพาลูกค้าจากทวีปใดทวีปหนึ่งมากเกินไป และดูแล Suppy Chain ให้แข็งแรง รวมถึงทำสินค้าให้เป็นพรีเมียม ตอนนี้บริษัททำได้ดี สำหรับความขัดแย้งระหว่างประเทศในชายแดน ทางบริษัทได้รับผลกระทบน้อย เพราะมีการกระจายการใช้แรงงานในแง่ของเชื้อชาติ และกระจายแหล่งวัตถุดิบด้วย
ส่วนแผนที่บริษัทฯจะทำอันดับแรกคือการ Spin off บริษัทลูก “ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์”(TEBP) คาดว่าจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2568
“ราคายางแท่งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 55-65 บาท/กิโลกรัม ตอนนี้ผ่านมาแล้วครึ่งปี ครึ่งปีหลังมีปัจจัยที่จะมากระทบอย่างเช่น สภาวะอากาศ กับปริมาณซัพพลายยางพาราโลก แม้ปีนี้จะเห็นจากการประมาณการและการคาดการณ์ของ ANRPC (สมาคมผู้ผลิตยางธรรมชาติ) จะบอกไว้ว่าผลผลิตยางพาราปีนี้น่าจะอยู่ที่ 14.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.45% และความต้องการใช้ทั่วโลกจะอยู่ที่ประมาณ 15.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นมา 1.53% จะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้วความต้องการยังมีมากกว่าดีมานด์ที่ออกมา แต่ตามสภาพในเรื่องฤดูกาล หรือสภาพภูมิอากาศในบางพื้นที่ ที่ส่งผลให้บางครั้งราคายางพาราอาจมีความผันผวน ครึ่งปีหลังเรายังมองว่าเราคายางพาราจะอยู่ที่ 55-60 บาท ก็จะต้องดู EUDR Effect ในไตรมาส 4 ที่อาจส่งผลให้ราคาไปแตะราคาที่เราประมาณการไว้”
นายวงศ์กฤษณ์ เจียมศรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ TEGH กล่าวว่า โครงการลงทุนจะเป็นโครงการเครื่องฆ่าเชื้อใหม่ ดำเนินการโดยบริษัท อิสเทิร์นปาล์มออยล์ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการทดสอบเครื่องจักรระยะยาว คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาส 3/2568 งบลงทุน 150 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ไตรมาส 4 จะเป็นฤดูปาล์มเพิ่มขึ้น ตรงนี้จะทำให้สามารถรับปาล์มเพิ่มขึ้นได้มากกว่าปัจจุบัน ทำให้อัตราส่วนสกัดน้ำมันปาล์ม และการควบคุมคุณภาพดีขึ้น ซึ่งก็จะเห็นผลสายปาล์มในไตรมาส 4
โครงการขยายกำลังการผลิต Biogas zone 3.2 ตอนนี้แผนเริ่มสร้าง ซึ่งปัจจุบันมี 1,000 ตันต่อวัน ซึ่งค่อนข้างเต็มแล้ว และตัวที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะเสร็จไตรมาส 2-3 ปี 2569 จะรองรับส่วนของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ที่จะเพิ่มขึ้น และลูกค้ารายอื่นที่จะเข้ามาด้วย ในปีหน้า งบลงทุน 377 ล้านบาท และ และบริษัทคงจะเข้าร่วมโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มีโอกาสพบปะนักลงทุนได้มากขึ้น
