ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน”ทรงตัว” เดือนที่ 5 หวังมาตรการรัฐ ดันหุ้นไทยฟื้นตัว

HoonSmart.com>> “สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” (FETCO) เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนมอง 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ชี้ “เศรษฐกิจในประเทศถดถอย-ฟันด์โฟลว์ไหลออก-การเมืองในประเทศ” เป็นตัวฉุด หวังปัจจัยหนุนจากผลประกอบการบจ.-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-มาตรการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน” กระตุ้นตลาดหุ้น หลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิครึ่งปีแรกกว่า 1.15 แสนล้านบาท มอง “หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์” น่าสนใจมากสุด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน 2567) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2567) อยู่ที่ระดับ 82.89 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” นักลงทุนมองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือการไหลออกของเงินทุน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

 ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2567) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 82.89

 ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”

 หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)

 หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)

 ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

 ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ

“ผลสำรวจ ณ เดือนมิถุนายน 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนทุกกลุ่มปรับลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลด 3.3% มาอยู่ที่ระดับ 93.65 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 42.9% มาอยู่ที่ระดับ 57.14 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 10.0% มาอยู่ที่ระดับ 110.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด 25.0% อยู่ที่ระดับ 75.00

ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมิถุนายน 2567 SET index ปรับตัวลดลงจากความกังวลทั้งจากปัจจัยทางการเมือง อาทิ คดีของนายกรัฐมนตรีและพรรคก้าวไกลที่อยู่ในกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศทั้งภาคการผลิตและภาคการส่งออกที่ยังฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลให้ดัชนีหลุดกรอบ 1,300 ในช่วงกลางเดือน

อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของเดือนโดยได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ อาทิ การปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) และเตรียมฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ปิดที่ 1,300.96 ปรับตัวลดลง 3.3% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 45,238 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 34,342 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 115,983 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ แนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางในแต่ละประเทศจากการที่อัตราเงินเฟ้อโลกชะลอตัวลง อีกทั้งต้องจับตามองการเลือกตั้งในสหรัฐและสภายุโรป และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ มาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นการส่งออกและการบริโภคในประเทศ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐซึ่งจะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และติดตามผลของมาตรการกระตุ้นตลาดทุนผ่านกองทุน ThaiESG และผลของมาตรการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยลดแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติและอาจทำให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว