HoonSmart.com>> “ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์” แจกกำไรวันแรก 37.65% ยันเข้าตลาดหุ้นแล้ว เพิ่มความสามารถแข่งขัน มีเงินรับงานรัฐ-เอกชนเพียบ ช่วยลดความเสี่ยง มีงานในมือกว่า 1,400 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ เล็งจ่ายเงินปันผลสูง จากนโยบายไม่ต่ำกว่า 30% บล.โนมูระฯคาดกำไรสุทธิปี 65-67 เติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี ด้าน “ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์”(DTCENT) โชว์ความสำเร็จขายหุ้นไอพีโอหมดเกลี้ยง 305 ล้านหุ้น
บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) ผู้นำในการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบและบำรุงรักษาแบบครบวงจร ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันแรก 7 พ.ย.2565 เปิดราคาสูง 2.76 บาท ขึ้นไปสูงสุด 2.80 บาท ก่อนลงต่ำสุด 2.22 บาท มาปิดที่ 2.34 บาท เทียบราคาขาย IPO ที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.64 บาท ประมาณ 37.65% มูลค่าซื้อขาย 1,259 ล้านบาท ชนะตลาดหุ้นโดยรวม ดัชนีปิดที่ระดับ 1,622.28 จุด ร่วงลง 10.69 จุดหรือ -0.65% มูลค่าซื้อขายปานกลาง 55,956.58 ล้านบาท
นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) เปิดเผยว่า บริษัทฯระดมทุนจากตลาดทุน และธนาคารขยายวงเงินสินเชื่อ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสามารถรับงานที่มีขนาดใหญ่กว่า 1,000 ล้านบาท ขยายฐานลูกค้าภาคเอกชน ช่วยบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น จากที่มีรายได้งานภาครัฐสัดส่วน 80% โดยเฉพาะงานของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขณะที่ค่าใช้จ่ายประจำคงที่ ช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิ และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบันงานในตลาดมีจำนวนมาก ทั้งภาคเอกชน ที่มีกฎหมายให้ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อาคารสูง และอสังหาริมทรัพย์ ต้องมีการลงทุนบำบัดน้ำเสีย บริษัทสามารถขายบริการได้และยังมีรายได้สม่ำเสมอจากการรับบริหารโครงการให้อีกด้วย รวมถึงผลงานและความน่าเชื่อถือของบริษัท ทำให้ลูกค้าบางรายมีการต่อสัญญาในการดูแลโครงการปีต่อปี ยาวนานนับสิบปี
ขณะที่งานของกทม.ก็มีแผนเปิดประมูลใหม่ทุกๆ 5 ปี ปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่ประมาณ 1,422 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 2 ปีเศษ
“UBA เป็นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง จากนโยบายที่จ่ายไม่ต่ำกว่า 30%ของกำไร ที่ผ่านมาเคยให้ผลตอบแทนสูงมากนับ 100%”นายสมชาติกล่าว
ทั้งนี้ผลงาน งวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 50.82 ล้านบาท เติบโต 32.55% เทียบกับจำนวน 38.34 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้ขายและบริการจำนวน 533.19 ล้านบาท เติบโตถึง 247.38 ล้านบาทหรือ 86.66% และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 94.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.93 ล้านบาทหรือ 28.41% หรืออัตราประมาณ 17.74 % อยู่ในค่าเฉลี่ยของ ปี2563 – 2564 ที่ระดับ 17 – 18 % อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.53 %และ ROE สูงกว่า 25%
บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ของ UBA ที่ 2.20 บาท เทียบเท่า PE ที่ 14.9 เท่า ใกล้เคียงหุ้นกลุ่มงานประมูลและบริการ สาธารณูปโภค คาดกำไรสุทธิปี 2565-2567 เติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี เป็น 63 ล้านบาท 88 ล้านบาท และ 117 ล้านบาท ตามลำดับ
UBA มีจุดเด่นจากการอยู่ในอุตฯ เกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเติบโต การแข่งขันในธุรกิจไม่รุนแรง และงานโครงการบริหารทรัพยากรน้ำมีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ด้านบริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น เปิดเผยว่า ผลการจองซื้อหุ้น IPO ของ DTCENT จำนวน 305 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 2.86 บาท ระหว่างวันที่ 1-2 และ 6 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเต็มจำนวน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐาน ในฐานะผู้นำระบบติดตามยานพาหนะ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2565)
นอกจากนี้หุ้น DTCENT กำหนดราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีการออกแบบและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ รวมทั้งการพัฒนา IoT Solution และ AI ได้ตามความต้องการของลูกค้ามาโดยตลอด ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ DTCENT เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 ธ.ค.2565 ในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
“การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ DTCENT ถือว่าประสบความสำเร็จและมีกระแสตอบรับที่ดี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการให้บริการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน” นายกิตติพันธ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2562-2564 และงวด 9 เดือน 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 810.94 ล้านบาท 639.38 ล้านบาท 591.53 ล้านบาท และ 479.72 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิในปี 2562 ถึง 2564 และงวด 9 เดือนปี 2565 เท่ากับ 166.49 ล้านบาท 109.12 ล้านบาท 77.24 ล้านบาท และ 52.39 ล้านบาท ตามลำดับ
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ที่ปรึกษาทางการเงิน DTCENT กล่าวว่า จุดเด่นของ DTCENT ประกอบด้วย มีทีมผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 25 ปี มีพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้ง บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) ถือหุ้นใน DTCENT จำนวน 18% ก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) โดย YES จะร่วมพัฒนาให้ DTCENT เป็น Tier 1 Supplier ในการดำเนินธุรกิจ OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนของบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน (BRS) ถือหุ้นจำนวน 15% ก่อน IPO ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักที่จะเข้ามาส่งเสริมเพิ่มศักยภาพ ให้แก่บริษัทในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์