๐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง หลังจากที่ตลาดรับรู้ข่าวร้ายเรื่องโครงการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 ระหว่างบริษัทยา AstraZeneca และมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ จำเป็นต้องหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากหนึ่งในอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองล้มป่วยลง เป็นปัจจัยกระทบความคาดหวังนักลงทุน เพราะการทดลองวัคซีนในขั้นสุดท้ายอาจมีความล่าช้ากว่าที่คาด ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ได้เร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ทั้งรัฐบาลและธนาคารกลางในหลายประเทศต่างเร่งออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
๐ ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีปรับลงแรง โดยมีรายงานจากสำนักข่าวว่า Softbank ได้ทำการลงทุนโดยการใช้ Options Derivatives ในหุ้นกลุ่มดัชนี NASDAQ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะมีการปิด Position เมื่อ Option ใกล้หมดสัญญา นอกจากนี้ Tesla ซึ่งมีสัดส่วนใน NASDAQ 3.29% ปรับลดลง 21% หลังนักลงทุนผิดหวังที่หุ้น Tesla ไม่ได้ถูกนำไปคำนวณในดัชนี S&P500 ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
๐ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ทรงตัวที่ 8.84 แสนราย ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ย. ซึ่งแย่กว่าที่ตลาดคาดแย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะชะลอตัวลงเป็น 8.5 แสนราย ขณะที่ความคืบหน้าการอนุมัติสวัสดิการผู้ว่างงานของภาครัฐเพิ่มเติมยังมีความไม่แน่นอนสูง ล่าสุดวุฒิสภาได้เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินราว 5-7 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่ผลโหวตไม่เพียงพอที่จะอนุมัติ เนื่องจากวุฒิสภาฝ่าย Democrats ไม่เห็นชอบ เพราะวงเงินต่ำเกินไป โดยพรรค Democrats ต้องการวงเงิน 2,2 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้การอนุมัติสวัสดิการภาครัฐเพิ่มเติมล่าช้าออกไป
๐ ECB คงนโยบายการเงินตามคาดและมองภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นแม้จะยังมีความไม่แน่นอนสูง โดย ECB ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ขึ้นเป็น -8.0% จากเดิมที่คาด -8.7% ในประมาณการครั้งก่อนในเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ยังมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสูง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศสเปนและฝรั่งเศส รัฐบาลจึงหนุนให้มีการกลับมาเพิ่มความเข้มงวดในบางพื้นที่ รวมทั้งผู้บริโภคเริ่มเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมคาดจะต่ำกว่าการระบาดในรอบแรก
๐ จับตาการประชุม Fed ณ วันที่ 16 ก.ย. คาดว่า Fed จะกำหนดเป้าหมายและระยะเวลาการทำ QE รวมถึงส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงเป้าหมายนโยบายการเงินในช่วงปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งชี้ว่า Fed จะคงการผ่อนคลายนโยบายการเงินไปอีกเป็นระยะเวลานาน