MTS GOLD GROUP แม่ทองสุก ก้าวขึ้นสู่โบรกเกอร์อนุพันธ์ระดับโลก หลังได้รับเลือกจาก CME GROUP ให้เป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาล่วงหน้า เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนอย่างถูกกฎหมาย ในราคาและปริมาณการซื้อขายแบบเรียลไทม์ บริษัทขยายตลาดออกไปภูมิภาค ตั้งเป้าเป็นโบรกเกอร์ทองคำแท่งติด 1 ใน 3 ของอาเซียน เพิ่มลูกค้าออกไปลงทุนต่างประเทศจาก 1 หมื่นบัญชีเป็น 3 หมื่นบัญชีในปี 2562
MTS GOLD GROUP แม่ทองสุก ได้รับเลือกให้เป็นโบรกเกอร์ไทยรายแรกจาก CME GROUP ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ให้เป็นตัวแทนซิ้อขายสัญญาตราสารอนุพันธ์ต่างๆ ภายใต้การบริหารของ CME GROUP เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับนักลงทุนไทย สามารถซื้อขายอนุพันธ์หลากหลายในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ในราคาและปริมาณแบบเรียลไทม์ สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนที่ดี และลดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเดินทางไปเปิดบัญชีซื้อขายยังต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ เหมือนในปัจจุบัน โดยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ในการนำเงินเข้า-ออกไปลงทุนและพักเงินในต่างประเทศภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS GOLD แม่ทองสุก กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างบริษัท MTS GOLD GROUP แม่ทองสุก และ CME GROUP ถือเป็นการเชื่อมโลกการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับตลาดโลกให้เปิดกว้างขึ้น โดยเฉพาะตลาดทองคำ เป็นการลดความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้กับนักลงทุนไทย พร้อมการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานโบรกเกอร์ไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งระดับประเทศและสากล
MR. CHRISTOPHER FIX,Managing Director,Head of Asia Pacific,CME Group กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพและเป็นเป้าหมายสำคัญของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากคนไทยสนใจการลงทุนในหลักทรัพย์ ตราสารอนุพันธ์ และผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ปัจจุบัน CME Group จัดการสัญญามากกว่า 3,000 ล้านสัญญา มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท MTS GOLD GROUP แม่ทองสุก กล่าวว่า MTS เป็น 1 ใน 224 บริษัทที่ได้รับความไว้วางใจจาก CME GROUP ซึ่งในระยะแรกจะให้บริการซื้อขายอนุพันธ์อ้างอิงราคาทองคำในตลาด COMEX น้ำมันในตลาด NYMEX รวมถึงการซื้อขายเงินตราสกุลต่างๆ และดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ โดยบริษัทเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่ให้บริการซื้อขาย E-mini S&P 500 ส่วนบิทคอตยังต้องรอเวลาให้นักลงทุนไทยศึกษาและเรียนรู้อีกระยะหนึ่ง
“ตอนนี้เรามีลูกค้ามาเปิดบัญชีซื้อขายในต่างประเทศอยู่จำนวน 1 หมื่นคน คาดว่าภายในปี 2561-2562 จะมีลูกค้าเพิ่มเป็นประมาณ 3 หมื่นคน ทั้งนี้ ผู้สนใจมาขอเปิดบัญชีกับเราได้ และวางเงินในการลงทุนขั้นต่ำ 3 หมื่นบาท สำหรับการซื้อสัญญาล่วงหน้าทองคำจำนวน 2 สัญญา แต่อยากจะให้วางเงิน 1 แสนบาท เพื่อให้สามารถซื้อขายสินค้าได้หลากหลายขึ้น โดย MTS ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นโบรกเกอร์ด้านทองคำแท่งติด 1 ใน 3 ของอาเซียน บริษัทได้ขยายตลาดไปภูมิภาคมากขึ้น หลังจากออกไปตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ และฮ่องกงมา 2-3 ปี พร้อมจะขยายไปตลาดอินเดียและจีน มีเป้าหมายที่จะให้บริการครบวงจรในอนาคต ด้วยช่ื่อเสียงและประสบการณ์ในธุรกิจทองมากกว่า 60 ปี “นายณัฐพงศ์กล่าว