สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ นี่ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ หลายๆท่านอาจจะกำลังสนุกสนานกับวันหยุดยาวๆเดือนเมษา และเตรียมตัวเล่นน้ำกันแล้ว แต่ในภาวะที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา หรือ โรคโควิด-19 นั้น รัฐบาลก็ยังคงมีมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนอยู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการประกาศเคอร์ฟิว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ การให้การสนับสนุนการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home. หรือรวมทั้งมาตรการต่าง ๆ จากทางภาคเอกชนที่มีการเตรียมการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน
ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ด้วยการอยู่บ้าน ไม่ออกนอกสถานที่โดยไม่จำเป็น ล้างมือ และทำความสะอาดร่างกาย ไม่กักตุนสินค้าเกินความจำเป็น ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง และผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันค่ะ
ยังคงอยู่กับความไม่ปกติของสภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งในเรื่องการระบาดของโรค Covid-19 และเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทองคำ ที่ยังคงมีความผันผวนอยู่ในระดับสูง ในสัปดาห์นี้ จึงมาตอบ
สัปดาห์นี้ จะเน้นกันที่ความรู้สำหรับการนำไปใช้ในการบริหารการลงทุนใน DW ของทุกท่านกันต่อเนื่องจากวีคที่แล้วนะคะ โดยในช่วงนี้ จะเห็นว่าตลาดหุ้นมีความผันผวนจัด ดังนั้น ทำให้ DW หลายๆรุ่นเกิดอาการ “ราคาลอย” ขึ้นมา ก่อนอื่น เราต้องรู้ก่อนว่า สาเหตุใดบ้างที่ทำให้ DW ราคาลอย และที่ผู้ออกแจ้งเหตุผลมานั้น ที่จริงแล้วมันแปลว่าอะไร ?
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกที่เคลื่อนไหวผันผวนและปรับตัวลงอย่างรุนแรง รวมทั้งสถานการณ์โรค CoViD-19 ที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และความกังวลต่อการเข้าสู่เฟส 3 ของการระบาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา และตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีการปรับตัวลงแรงจนถึงระดับ Circuit Breaker ถึง 2 ครั้งในสัปดาห์เดียวกัน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไรวัสโคโรน่า หรือโรค CoViD-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลก ไม่ว่าในแง่ของการท่องเที่ยว ส่งออก และลามมาถึงภาคการผลิต หลังจากหลายบริษัทเริ่มหยุดงาน หรือให้พนักงานทำงานที่บ้าน เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของโรค สำหรับในประเทศไทยความกังวลต่อการแพร่ระบาดในเฟส 3 เริ่มมีสูงขึ้น หลังจากประชาชนเริ่มไม่มั่นใจตัวเลขผู้ติดเชื้อจากข่าวการปิดบังข้อมูลของผู้ป่วยบางราย
ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังตลาดตอบรับผลการพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งลดความกังวลต่อความไม่แน่นอนที่มีอยู่ในการเมืองไทยไปได้บางส่วน ขณะที่ยังเหลือความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในเกาหลีใต้ ส่งผลให้หลายสายการบินระงับการเดินทางไปยังประเทศในแถบเอเชีย
หลังคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% เหลือ 1.00% ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มลีสซิ่ง จากต้นทุนทางการเงินที่ลดต่ำลง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นในภาวะดอกเบี้ยต่ำ โดยหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจในช่วงนี้ได้แก่ SPALI
เรื่องของการคำร้องต่อศาล กรณีเสียบบัตรแทนกันในการผ่านร่าง พรบ.งบประมาณปี 63 จบลงแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พรบ.งบประมาณปี 63 นั้นไม่โมฆะแต่ให้มีการพิจารณาวาระ 2 และ 3 ใหม่ช่วยให้บรรยากาศการลงทุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างดูดีขึ้น
จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 จากกรณีเสียบบัตรแทนกัน ส่งผลให้หลายภาคส่วนเริ่มมีความกังวลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของรัฐบาลด้วย
