ดาวโจนส์ปิดบวก 174 จุด รับจีนอัดมาตรการบรรเทาผลกระทบ

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 174 จุด ด้าน S&P และ Nasdaq แตะระดับสูงสุดใหม่ รับจีนอัดมาตรการบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำมันดิบลดลง WTI หลุด 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ 29,276.82 จุด เพิ่มขึ้น 174.31 จุด หรือ 0.60% ขณะที่ดัชนี S&P และดัชนี Nasdaq แตะระดับสูงสุดใหม่ หลังจากที่โรงงานในจีนทยอยเปิดทำการผลิตอีกครั้งจากที่ปิดยาวต่อเนื่องจากตรุษจีนตามคำสั่งรัฐบาล เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,352.09 จุด เพิ่มขึ้น 24.38 จุด,+0.73%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,628.39 จุด เพิ่มขึ้น 107.88 จุด,+1.13%

นักลงทุนเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าสู่ช่วงสุดท้ายโดยมี 324 บริษัทแจ้งผลกำไรมาแล้ว ซึ่ง 70.7% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ทำให้ประเมินว่ากำไรไตรมาสสี่จะเพิ่มขึ้น 2.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อนจากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 0.3%

ตลาดยังขานรับมาตรการการอัดฉีดเงินเข้าระบบของเพื่อบรรเทาผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ โดยธนาคารกลางจะจะจัดหาเงินกู้แบบre-lending ให้กับ 9 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และธนาคารท้องถิ่นบางแห่งผ่าน เพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ชั้นดีระยะ 1 ปี(Prime rate)ซึ่งอยู่ที่ 3.15%ได้ถึง 1% รวมทั้งให้สถาบันการเงินพิจารณาการยื่นขอสินเชื่อให้เร็วเพื่อที่จะปล่อยกู้ได้ภายใน 2 วัน รวมทั้งได้อัดฉีดเงินเข้าระบบผ่าน reverse repo จำนวน 900 พันล้านหยวนเมื่อวานนี้

ประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิง ของจีนซึ่งได้ออกพบปะประชาชนกล่าวว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเพื่อไม่ให้มีการปลดพนักงานออก

อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯพร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่มีผลกระทบต่อเนื่องมายังสหรัฐฯ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวและถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก

นักลงทุนรอการแถลงการณ์ครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐและแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารวุฒิสภาในวันพุธ

อย่างไรก็ตามตลาดยังซื้อขายอย่างระมัดระวังเพราะยังกังวลต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ต่อห่วงโซ่การผลิตของโลกอยู่บ้าง หลังจากผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 908 รายซึ่งสูงกว่าโรคซาร์ศและองค์การอนามัยโลกเตือนว่าการติดเชื้อจากคนสู่คนที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นอาจจะทำให้ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ระบาดในวงกว้างพร้อมเตือนให้ประเทศต่างๆเตรียมการรับมือ

หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 3.1% หลังโรงงานในเซี่ยงไฮ้กลับมาเปิดการผลิต

บริษัท Hon Hai Precision Industry หรือที่รู้จักในชื่อ Foxconn ผู้ผลิตไอโฟนรายใหญ่สุดของโลกกลับมาเปิดโรงงานผลิตส่วนหนึ่งด้วยแรงงาน 10% ของปกติ ซึ่งส่งผลดีต่อแอปปเปิลที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายไอโฟนในจีนอาจจะลดลง 50% หุ้นแอเปิลเพิ่มขึ้น 0.47%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบปิด นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐอย่างไร โดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลงมากกว่า 1% ส่วนกลุ่มก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.6%

เมื่อวานนี้จีนเผยดัชนีราคาผู้ผลิต( Producer Price Index)เดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 5.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า 4.9% ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.88 จุด ลดลง 19.82 จุด,-0.27%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 424.64 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด, +0.07%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,015.67 จุด ลดลง 14.08 จุด,-0.23%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,494.03 จุด ลดลง 19.78 จุด,-0.15%

ในเยอรมนีมีรายงานข่าวว่า เดมส์เลอร์วางแผนจะลดพนักงานลง 15,000 ราย

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 75 เซนต์ปิดที่ 49.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 1.20 ดอลลาร์ปิดที่ 53.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล