ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 80 จุด จีนลดภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 80 จุด จีนลดภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ตลาดหุ้นยุโรปบวก ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นสวนทางเบรนท์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ 29,379.77 จุด เพิ่มขึ้น 88.92 จุด หรือ 0.30% จากการลดภาษีให้กับสินค้านำเข้าสหรัฐฯของจีนรวมทั้งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,345.78 จุด เพิ่มขึ้น 11.09 จุด,+0.33%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,572.15 จุด เพิ่มขึ้น 63.47 จุด,+0.67%

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้กระทรวงการคลังของจีนประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯในวงเงิน 75 พันล้านดอลลาร์บางรายการจะลดลง 50% จาก 10% เป็น 5% ตามข้อตกลงการค้าระยะแรกที่ได้ทำไว้ และยังลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐลงเป็น 2.5% จาก 5% สำหรับภาษีถั่วเหลืองนำเข้าจากสหรัฐฯจะลดลงเหลือ 2.5%

กระทรวงการคลังของจีนระบุว่า การลดอัตราภาษีนำเข้าเพื่อส่งเสริมการัพฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าสหรัฐฯกับจีนให้มีความมั่นคงและมั่งคั่ง อีกทั้งยังเป็นดำเนินการที่ได้กำหนดไว้แล้วหลังจากที่สหรัฐฯในเดือนที่แล้วได้ลดภาษีนำเข้าให้สินค้าจีนวงเงินรวม 120 พันล้านดอลลาร์ จาก 15% เป็น7.5%

นักวิเคราะห์ มองว่า การลดภาษีของจีนมาได้จังหวะที่นักลงทุนกังวลว่าการระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ อาจจะทำให้จีนไม่สามารถซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯในวงเงินรวม 200 ดอลลาร์ได้ตามที่ได้ตกลงไว้

ออโตเมติกส์ ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิ้งค์เผย การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วว่า ลดลง 15,000 รายมีจำนวน 202,000 รายต่ำสุดในรอบ 9 เดือนและดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนประสิทธิภาพในการผลิตไตรมาส 4 ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 1.4% จาก 0.2% ในไตรมาส 2 แต่ยังต่ำกว่า 1.6% ที่ที่นักวิเคราะห์คาด

ขณะเดียวกันวุฒิสภาลงมติว่าประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ไม่มีความผิดในสองข้อกล่าวหาคือ ใช้อำนาจในทางที่ผิดและขัดขวางการทำงานของคองเกรส ส่งผลให้กระบวนการถอดถอนต้องยุติลง

นายโรเบิร์ต แคปลัน ประธานธนาคารกลางสาขาดัลลัสคาดว่าเศรษฐกิจปี 2020 จะขยายตัว 2.3%

หุ้นโบอิ้งนำการปรับตัวขึ้นของดัชนี DJIA โดยเพิ่มขึ้น 3.6% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 2%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นทวิตเตอร์เพิ่มขึ้นมากกว่า 15% และหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ สควิปป์ เพิ่มขึ้น 2.3% ขณะนี้ 60% ของบริษัทใน S&P 500 ได้รายงานผลการดำเนินงานมาแล้ว และ 71% ในจำนวนนี้มีผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

หุ้นเอสเต้เลาเดอร์เพิ่มขึ้น 5.07% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาด หุ้นทวิเตอร์
หุ้นนิวยอร์กไทมส์ โคเพิ่มขึ้น 12.72% จากผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ความกังวลผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ลดลงบ้าง รวมทั้งการลดภาษีให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ

ในเยอรมนีคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือนธันวาคมลดลง 2.1% จากเดือนก่อนต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,504.79 จุด เพิ่มขึ้น 22.31 จุด,+0.30%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 425.49 จุด เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, +0.44%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,038.18 จุด เพิ่มขึ้น 52.78 จุด,+0.88%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,574.82 จุด เพิ่มขึ้น 96.49 จุด,+0.72%

หุ้นโซซิเอเต้ เยนเนอรัลเพิ่มขึ้น 1.4% แม้กำไรไตรมาสสี่ต่ำกว่าคาด แต่ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนและจะทำกำไรปี 2020 ให้ดีขึ้น

หุ้นอาร์เซเลอร์มิตตัลในลักเซมเบิรก์เพิ่มขึ้น 11% กำไรไตรมาสสี่ดีกว่าคาดและคาดการณ์แนวโน้มที่สดใส

หุ้นดอยช์แบงก์เพิ่มขึ้น 12.5% หลังมีรายงานข่าวว่า แคปปิตอล กรุ๊ป ธุรกิจจากลอสแองเจลิสได้เข้าถือหุ้นธนาคาร 3.1%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 20 เซนต์ปิดที่ 50.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 35 เซนต์ปิดที่ 54.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล