HoonSmart.com>>KBANK ร่วงแรง 4% วันเดียวมาร์เก็ตแคปลดลง 14,359 ล้านบาท รับสินเชื่อเอสเอ็มอีโตต่ำเป้า เอ็นพีแอลโผล่ ซ้ำเติมธปท.จ่อคุมค่าธรรมเนียม บล.ดีบีเอสฯ-ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาลงมาก็ยังไม่ได้รับความสนใจ นักวิเคราะห์มองพื้นฐานแบงก์กสิกรไทยอ่อนแรง ส่วนบล.โนมูระ พัฒนสิน เผยสถาบันจัดอันดับเครดิต S&P ปรับแนวโน้มไทยจาก Stable ขึ้นสู่ Positive ครั้งแรกในรอบ 9 ปี ดึงเงินลงทุนกลับอีกครั้ง ดีต่อธนาคาร ยก SCB-BBL เด่น บริษัทมีหนี้ตปท.สูง CPF,MINT,CPALL เงินบาทแข็งค่าหนุน PTTEP, TASCO ,โรงไฟฟ้า
วันที่ 11 ธ.ค. 2562 หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับตัวลงแรงและปิดที่จุดต่ำสุดระดับ 142 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน 2,371 ล้านบาท ราคาที่ลดลง 6 บาท ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ลดลงประมาณ 14,359 ล้านบาท ไม่รวมผลกระทบต่อธนาคารขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปิดที่ 169 บาท ลดลง 2.50 บาท
นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นธนาคารกสิกรไทยปรับตัวลงแรง จากข่าวเรื่องธนาคารคาดว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้จะขยายตัวเพียง 1% จากที่ตั้งไว้ 2-4% และเอ็นพีแอลไหลต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) มีสินเชื่อเอสเอ็มอีจำนวนมาก ก่อนหน้านี้กสิกรไทยก็ปรับตัวลงจากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ส่งสัญญาณว่าจะควบคุมการเก็บค่าธรรมเนียม
” ธุรกิจแบงก์อยู่ในช่วงปรับตัว เปลี่ยนผ่านจากโลกเก่าเข้าสู่โลกใหม่ ไม่ใช่เสือนอนกินอีกต่อไปแล้ว ธุรกิจไปได้ ไม่ขาดทุน แต่กำไรจะโตน้อยลง เพราะดอกเบี้ยต่ำ สินเชื่อขยายตัวไม่มากตามภาวะเศรษฐกิจ อำนาจต่อรองของผู้บริโภคมีมากขึ้น จากการมีคู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้น”นางอาภาภรณ์กล่าว
นางสาวจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า หุ้น KฺBANK ถูกมาก เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี(P/BV) เพียง 0.88 เท่า และยังมีผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM )ที่ระดับ 3.4% ในไตรมาส 3 เท่ากับในไตรมาส 2 แม้มีการปรับลดอกเบี้ยเงินกู้]’ก็ตาม แต่นักลงทุนยังไม่สนใจ เพราะเศรษฐกิจไม่ดีมีผลต่อธุรกิจแบงก์โดยตรง
ส่วนการเลือกขายแบงก์กสิกรไทยออกมามาก อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้รับคำแนะนำให้ซื้อ เมื่อต้องการขายก็ต้องระบายออกมา ไม่เหมือนกับหุ้น SCB ที่มีปัจจัยเรื่องสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ และค่าใช้จ่ายในเรื่องการลงทุนระบบ ทำให้ราคาหุ้นกสิกรไทยปรับตัวขึ้นทิ้งห่างธนาคารไทยพาณิชย์มากในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความสามารถในการทำกำไรลดลง เห็นได้จากอัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน(ROA) และผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในปี 2562 สวนทางกับหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพี) เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิมีโอกาสปรับตัวลดลง จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 21% จากการขยายธุรกิจลำบากขึ้น ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น และเศรษฐกิจจะชะลอตัวไปอีกหลายปี
ทางด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน อ้างถึง สำนักข่าว Bloomberg รายงานสถาบันจัดอันดับ S&P rating ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทยที่ระดับ BBB+ แต่ปรับแนวโน้มหรือ Outlook จาก Stable ขึ้นสู่ Positive ซึ่งเป็นการปรับครั้งแรกในรอบกว่า 9 ปี ถือเป็น Catalyst บวกต่อการหนุนเม็ดเงินกลับมาไหลเข้าในประเทศอีกครั้ง
“กลยุทธ์ เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร (SCB,BBL) กลุ่มที่มีภาระหนี้สินต่างประเทศสูง (CPF,MINT,CPALL) และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง (PTTEP, TASCO และกลุ่มโรงไฟฟ้า)”บล.โนมูระ พัฒนสินระบุ