STC จ่อโรดโชว์ 30 ต.ค. เข้าตลาด mai ปีนี้

HoonSmart.com>> “เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์” เดินหน้าโรดโชว์กรุงเทพฯ 30 ต.ค. เสนอขายหุ้น IPO 148 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai ปีนี้ นำเงินลงทุนใช้เพิ่มศักยภาพธุรกิจ รับโอกาส EEC พร้อมเดินหน้ารับงานใหม่ต่อเนื่อง หนุนโอกาสโตอย่างโดดเด่นในอนาคต

นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ (STC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าจัดงานโรดโชว์นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในวันที่ 30 ต.ค.2562 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจ และโอกาสการเติบโตในตลาดทุน โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2562

ทั้งนี้ STC มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัทฯ ก่อนการเสนอขาย IPO มีจำนวน 210 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 420 ล้านหุ้น ขณะที่ หลังการเสนอขาย IPO มีจำนวน 284 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 568 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 148 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Pre-cast Concrete) ทุกประเภท และคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “STC” พร้อมทั้งให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีโรงงานผลิต 4 แห่ง ได้แก่ พัทยา 1 พัทยา 2 หนองปรือ และนาวัง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยบริษัทฯ ได้มีการลงทุนก่อสร้างโรงงานนาวัง และติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้าจากนโยบายการลงทุนใน EEC ของภาครัฐบาล และภาคเอกชน

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน นำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกทีกำลังขยายตัว และโอกาสจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

ด้านผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 196.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.35% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 170.10 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 58.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.85% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 44.85 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182.53% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนอยู่ที่ 3.14 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 30.04% และ 26.50% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิในปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 4.53% และ 1.85% ตามลำดับ

ผลการดำเนินงนที่ดีขึ้นเนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ สนับสนุนให้รายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ่อพักน้ำ โดยเฉพาะสินค้าท่อระบายน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงที่ชัดเจนมากขึ้น ตามนโยบาย EEC ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์จากบริษัทฯ มากขึ้น

ขณะที่สัดส่วนรายได้ในงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป 73.11% รายได้จากคอนกรีตผสมเสร็จ 23.24% รายได้จากการให้บริการ 3.21% และรายได้อื่นๆ 0.44% ของรายได้รวม

สำหรับอานิสงส์โครงการ EEC ในช่วงปี 2560-2564 รัฐบาลมีแผนการผลักดันโครงการ EEC ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้ Thailand 4.0 และเป็นโครงการต่อยอดมาจากนโยบายโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Sea Board Development) ก่อให้เกิดการลงทุนบนพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่สูงจาก
โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นเพื่อรองรับ EEC ได้แก่ โครงการถนนรองรับ EEC เช่น โครงการปรับปรุงทางหลวงและโครงข่ายถนนสายรองในพื้นที่รอบๆ อู่ตะเภา มาบตาพุด และถนนเลียบชายฝั่งทะเลระยอง-ชลบุรี เพื่อเชื่อมการเดินทางและรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจใน EEC ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป เช่น ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพัก เป็นต้น ให้แก่ผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างโครงข่ายถนนในพื้นที่ชลบุรีบางส่วนแล้ว

โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ซึ่งแบ่งระยะเวลาการก่อสร้างเป็นการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 5 ปี และการก่อสร้างท่าเทียบเรือและติดตั้งอุปกรณ์อีก 3 ปี โดยคาดว่าจะเสร็จและสามารถเปิดใช้งานได้ภายในปี 2568 โดยในปัจจุบัน STC มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต ได้แก่ ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ เป็นต้น ให้กับผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวบางส่วนแล้ว รวมถึง โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ ที่จะก่อสร้างเส้นทางรถไฟกว่า 160 กิโลเมตร โครงการภาครัฐที่มีนโยบายการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ : BOI) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนแม่บทการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่เมืองพัทยา แบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม บริเวณรอบนอกของเมืองพัทยา โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่เลียบชายฝั่งทะเลหรือชายหาดในเมืองพัทยา โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำภายในเมืองพัทยา ซึ่ง STC ได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต ได้แก่ ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักน้ำ ให้กับผู้รับเหมาที่ได้รับงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวบางส่วนแล้ว

อ่านข่าว

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง STC ไอพีโอ 148 ล้านหุ้น เข้า mai ปีนี้