ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 426 จุด กิจกรรมทางเศรษฐกิจแกร่ง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 426 จุด เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นหลังการรายงานข้อมูลบ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 22พฤศจิกายน ปิดที่ 44,296.51 จุด เพิ่มขึ้น 426.16 จุด หรือ +0.97% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังการรายงานข้อมูลที่บ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,969.34 จุด เพิ่มขึ้น 20.63 จุด, +0.35%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,003.65 จุด เพิ่มขึ้น 31.23 จุด, +0.16%

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.96%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.68% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.73%

ดัชนีชี้วัดกิจกรรมทางธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือนในเดือนพฤศจิกายน โดยได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และนโยบายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจมากขึ้นจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปีหน้า

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นมาที่ 55.3 จาก 54.1 ในเดือนตุลาคม ดัชนี PMI ภาคการผลิตขยับขึ้นมาที่ 48.8 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนตุลาคมและเป็นระดับสูงสุดในรอบสี่เดือน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนดัชนี PMI บริการดีกว่าการคาดการณ์ 55.0 เล็กน้อย

ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายนจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ก็ยังดีกว่าเดือนตุลาคม โดยดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 71.8 ดีกว่า 70.5 ในเดือนตุลาคม แต่ต่ำกว่า 73.5 ที่นักเศรษฐศาสตร์คาด

นักลงทุนยังคงสลับการลงทุนออกจากกลุ่มเทคโนโลยีไปยังกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวัฏจักรเศรษฐกิจมากขึ้น

แซม สโตวาล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนที่ CFRA Research กล่าวว่า นักลงทุนกำลังหมุนออกจากกลุ่มบริการและเทคโนโลยีการสื่อสารขนาดใหญ่ที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ และเข้าในกลุ่มวัฏจักร ทั้งกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มอุตสาหกรรม และการเงิน รวมถึงหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

การปรับขึ้นของดัชนี Nasdaq ถูกจำกัดจากการลดลง 3.2% และ 1.7% ของหุ้น Nvidia และ Alphabet ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.36% เป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในดัชนี S&P500 แต่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงมากที่สุด โดยลดลง 0.69%

ดัชนี Russell 2000 หุ้นขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 1.8% และในสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้น 4.3%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ลดลงมาที่ 4.418% เนื่องจากตลาดประเมินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อีกรอบ เพราะคาดการณ์ว่านโยบายบางด้านของทรัมป์อาจทำเกิดเงินเฟ้อ โดยตลาดมองว่ามีโอกาส 53% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในเดือนธันวาคม

ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์เป็นประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้ ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการยิงขีปนาวุธตอบโต้ระหว่างยูเครนและรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียลดเกณฑ์การตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ลง ขณะเดียวกันตลาดยังจับตาการเลือกรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของทรัมป์ด้วย

ตลาดยุโรปปิดบวกจากหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลายลงก็ช่วยลดแรงกดดันในการขายในช่วงที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมากที่สุดใน STOXX 600 โดยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง ส่งผลให้ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้น

หุ้นธนาคารต่างๆ ถ่วงดัชนีมากสุด โดยลดลง 1.3%

ดัชนีกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.3% นำโดยหุ้นชิป จากความเชื่อมั่นในการเติบโตของ AI แม้ว่านักลงทุนจะผิดหวังกับการคาดการณ์รายได้ของ Nvidia ในสหรัฐฯ

กลุ่มอื่นๆ เช่น สื่อและการดูแลสุขภาพ ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2.7%

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนพลิกผันอย่างรุนแรงเกินคาดในเดือนนี้ จากการหดตัวในอุตสาหกรรมบริการและการผลิตลึกลงอีกเข้าสู่ภาวะถดถอย
เศรษฐกิจของเยอรมนีในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 502.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด, +0.41%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,149.27 จุด เพิ่มขึ้น 64.20 จุด, +0.79%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,213.32 จุด เพิ่มขึ้น 14.87 จุด, +0.21%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,146.17 จุด เพิ่มขึ้น 141.39 จุด, +0.74%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 71.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 75.17ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–