HoonSmart.com>>ก.ล.ต.รับเรื่องร้องเรียนไลน์ทุบหุ้น GULF อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล หากพบว่ามีความผิดทางกฎหมาย จะดำเนินคดี โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และเปรียบเทียบปรับ ส่วน “พิชญ์ โพธารามิก – เกริกไกร ไตรบัญญัติกุล” มีเวลา 10 วัน มารับข้อกล่าวหา เสียค่าปรับทางแพ่งส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท กรณีอินไซด์ JTS
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้รับเรื่องร้องเรียนการปล่อยข่าวลือทางโซเชียลมีเดียที่สร้างผลกระทบต่อราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล หากพบว่ามีความผิดทางกฎหมาย คือให้ข่าวเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเสียหาย ก็จะดำเนินคดี โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และเปรียบเทียบปรับ ขอเตือนนักลงทุนให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลให้ชัดเจนก่อนจะใช้ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อราคาหุ้น
” กลุ่มไลน์ จะคุยกันเป็นสิทธิของเค้า แต่หากทำผิดกฎหมาย ให้ข่าวเป็นเท็จ จนก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ต้องหาพยานหลักฐาน มาดำเนินการลงโทษ” นายศักรินทร์กล่าว
ทั้งนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีไลน์ส่งข้อมูลเรื่อง ฐานะการเงิน ภาระหนี้ของบริษัท GULF จนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างรุนแรง แม้ว่าบริษัทได้ปฏิเสธข่าวแล้วก็ตาม
ส่วนกรณีที่ ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่งต่อนายพิชญ์ โพธารามิก และนายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น หรืออินไซเดอร์เทรดดิ้ง บริษัทจัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) เมื่อปี 2559 โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท พร้อมทั้งห้ามการดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์นั้น นายศักรินทร์ กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้วางกรอบระยะเวลา 10 วัน นับจากวันที่ก.ล.ต.ลงโทษ วันที่ 16 ก.ย. 2562 ให้ทั้ง 2 รายมารับทราบข้อกล่าวหา หรือทำบันทึกยินยอมการกล่าวโทษและยินยอมชำระค่าปรับทางแพ่งฯ หากไม่มาตามระยะเวลาที่กำหนด ก.ล.ต.จะดำเนินการฟ้อง โดยเรียกค่าเสียหายสูงสุด หรือคิดเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินที่เรียกปรับ ขณะเดียวกันก็เตรียมดำเนินการแจ้งไปยังนายพิชญ์ ว่ามีลักษณะของผู้ที่ขาดความน่าไว้วางใจ และห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหารที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนฯ
ทางด้าน นายพิชญ์ ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) และตำแหน่งประธานกรรมการ และกรรมการ ของบริษัทโมโน เทคโนโลยี (MONO) มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.2562
อ่านประกอบ
