HoonSmart.com>> “ทาพาโก้” ชี้ธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกและค้าปลีกเครื่องสำอางคึกคัก มั่นใจปีนี้โตต่อเนื่อง คาดรับอานิสงส์ “ริโก้” ย้ายฐานการผลิตหนีสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ มาไทย ออเดอร์เพิ่มขึ้น หนุนผลงานเข้าเป้า โชว์ 9 เดือน กำไรสุทธิ 65 ล้านบาท เติบโต 86.58% ด้านไตรมาส 3/62 กำไรหด 20% บันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายแรงงาน
นายนารุฮิซะ อาเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาพาโก้ (TAPAC) เปิดเผยว่า ในงวด 9 เดือนที่ผ่านมาแนวโน้มการเติบโตอยู่ในระดับที่ดี และยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแนวโน้มจากนี้ไปบริษัทฯยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ดีขึ้นหากเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่บริษัท ริโก้ ผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงานชื่อดังของญี่ปุ่น มีแผนย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์สำหรับตลาดสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศจีน มารวมกับฐานผลิตในไทย เพื่อเลี่ยงผลกระทบสงครามการค้าส่งผลให้บริษัทฯ มีออเดอร์เพิ่มขึ้น
ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน (สิ้นสุด ก.ค.62) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 65.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.58% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.85 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 1,289.24 ล้านบาท ลดลง 15.44% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1,524.61 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกและธุรกิจค้าปลีก และลดลงในส่วนของธุรกิจก่อสร้าง
สาเหตุที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนปีนี้ ยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายสินค้า และให้บริการผลิตภัณฑ์พลาสติก,แม่พิมพ์ ธุรกิจค้าปลีก รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศสวีเดน ยังคงเติบโต โดย 9 เดือนมีรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติก อยู่ที่ 717.43 ล้านบาท คิดเป็น 52.81% ของรายได้รวม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้อยู่ที่ 558.63 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง มีรายได้ 82.44 ล้านบาท
ขณะที่งวดไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 23.744 ล้านบาท ลดลง 20.36% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 29.81 ล้านบาท เนื่องจากการบันทึกภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงานและมีรายได้รวมอยู่ที่ 455.54 ล้านบาท ลดลง 11.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้ 516.78 ล้านบาท ลดลงในส่วนของธุรกิจก่อสร้าง
นางสาวจารุวัลย์ วงศ์เจษฏาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท C4 Global บริษัทในกลุ่มบริษัท ทาพาโก้ กล่าวว่าแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทฯเตรียมขยาย small retail สำหรับเฮ้ มินิ (HEJ Mini) ขนาด 10 ตารางเมตร ซึ่งสามารถวางจำหน่ายสินค้าได้ประมาณ 500 ชนิดสินค้า (SKU) ต่อหนึ่งจุดขาย โดยมีแผนต้องการจะขยาย 50 จุดขาย ทั่วประเทศไทย ผ่านเครือข่ายศูนย์การค้าชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศ
“สำหรับธุรกิจเครื่องสำอาง ยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นจากครึ่งปีแรก แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ธุรกิจนี้จะได้รับผลกระทบช้ากว่าธุรกิจอื่น หรือไม่ได้รับผลกระทบเลย อย่างไรก็ตามในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้า บริษัทฯตั้งเป้าขยายสาขา และ ขยาย small retail สำหรับ HEJ Mini และ สินค้าแบรนด์ Secret J ทั่วประเทศ”นางสาวจารุวัลย์กล่าว
นอกจากนี้ มีแผนจะผลักดันให้ เฮ้ สตรีท บิวตี้ เดินหน้าขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV+I ในปี 2563 โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเดินทางไปยังประเทศเวียดนาม กัมพูชา เพื่อหารือกับพันธมิตรศูนย์การค้าชั้น เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศอีกด้วย