HoonSmart.com>> มอร์นิ่งสตาร์ เผยกองทุนไทยลงทุน REIT ฮ่องกงน้อย เฉลี่ย 8.7% ของพอร์ต ส่วนใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ 31% ของพอร์ต มองเหตุชุมนุมฮ่องกงไม่กระทบอย่างมีนัย ด้านบลจ.ทิสโก้ เผยกองทุน “เอเชียน รีท” ลดน้ำหนักลงทุนอสังหาฯ ฮ่องกงไปแล้ว มองดอกเบี้ยต่ำ ชูลงทุนอสังหาฯ REIT ทั่วโลกยังน่าสนใจ ผันผวนต่ำ ปันผลสูงต่อเนื่อง
น.ส.ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่เกิดขึ้นประเมินว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนักต่อกองทุนรวมของไทยที่ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ REIT ประเทศฮ่องกง เนื่องจากกองทุนที่มีการลงทุนเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีทั้งหมด 19 กองทุน มีสัดส่วนการลงทุนในฮ่องกงตั้งแต่ 0.3%-35.9% ของพอร์ต แต่โดยส่วนใหญ่มีสัดส่วนที่ไม่สูงนักหรือโดยเฉลี่ย 8.7% ของพอร์ต ข้อมูล ณ 31 มี.ค.2562 เป็นการลงทุนทั้งในประเภทอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หรือที่อยู่อาศัย
ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสำหรับกองทุนกลุ่มนี้ โดยกองทุนที่มีการลงทุนในประเทศสิงคโปร์มีสัดส่วนการลงทุนเฉลี่ย 31.2% ของพอร์ต
น.ส.ชญานี กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนรวมไทยที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศจัดอยู่ในกลุ่ม Property Indirect Global มีจำนวน 30 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 9.7 หมื่นล้านบาท รูปแบบการลงทุนอาจเป็นการลงทุนใน REIT หุ้น หรือลงทุนผ่าน feeder fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักในต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง
“นักลงทุนต้องดูว่ากองทุนลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดหรือสถานที่ตั้งอยู่ในจุดที่มีการประท้วงหรือไม่ รวมถึงสัญญาการเช่าสินทรัพย์ของแต่ละกองทุนและเงื่อนไขต่างๆ ของแต่ละกองทุนประกอบการ”น.ส.ชญานี กล่าว
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนเปิดทิสโก้ เอเชียน รีท (TAREIT) ซึ่งมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเทศฮ่องกง จากการสอบถาม B&I Capital AG ผู้จัดการกองทุนหลักที่กองทุนลงทุนผ่านนั้นได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่เกิดเหตุชุมนุม ทำให้ปัจจุบันมีสัดส่วนลงทุนในฮ่องกงน้อยมากจากเดิมลงทุนประมาณ 10% ของพอร์ต จึงไม่ส่งผลต่อภาพรวมของกองทุน
อย่างไรก็ตามการชุมนุมฮ่องกงเกิดมาระยะหนึ่ง เชื่อว่าผู้จัดการกองทุนหลักๆ คงปรับพอร์ตการลงทุนหากประเมินสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่นั้นจะได้ผลกระทบ โดยในระยะสั้นมองว่าโรงแรมน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนสำนักงานออฟฟิศหากอยู่ในบริเวณการชุมนุมก็อาจถูกกระทบ ส่วนคลังสินค้าอาจกระทบน้อย แต่ทั้งนี้คงต้องติดตามว่าทางการฮ่องกงและจีนจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งหากนักลงทุนมีการลงทุนที่เกี่ยวข้องอสังหาฯ ในฮ่องกง จะต้องดูรายละเอียดและสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุน รวมถึงสอบถามจากบลจ.เพื่อประเมินการลงทุนที่เหมาะสมของตัวเอง
“ปัจจุบันการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และ REIT ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแต่นักลงทุนไทย แต่ได้รับความสนใจทั่วโลก จากภาวะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในกองทุนเหล่านี้ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกับตลาดหุ้นผันผวนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกองทุนเหล่านี้ มีความผันผวนค่อนข้างต่ำ จึงเป็นแหล่งพักเงินของผู้ลงทุน ในขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลก็ยังน่าสนใจเมื่อเทียบการลงทุนอื่นๆ “นายสาห์รัช กล่าว
ด้านผู้จัดการกองทุนรายหนึ่ง กล่าวว่า เหตุการณ์ชุมนุมฮ่องกงจะกระทบต่อ REIT ที่ลงทุนในสินทรัพย์บางประเภทซึ่งต้องดูเป็นรายกองทุน อีกทั้งส่วนใหญ่สัญญาเช่าในสินทรัพย์แต่ละประเภทจะเป็นระยะยาว จึงอาจไม่ได้กระทบต่อกองทุนรวมในทันที ยกเว้นสินทรัพย์ประเภทโรงแรมอาจเห็นผลกระทบชัดเจน แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขของกองทุนมีการประกันรายได้หรือมีเงื่อนไขอื่นๆ หรือไม่
ส่วนสำนักงานออฟฟิศให้เช่า หากอยู่ในบริเวณจุดชุมนุม หากผู้เช่ายังไม่ครบสัญญาก็ไม่กระทบ แต่ถ้าผู้เช่าสัญญากำลังจะครบพอดีก็อาจทำให้ผู้เช่าตัดสินใจไม่ต่อสัญญาก็ได้ นักลงทุนจึงต้องดูนโยบายของแต่ละกองทุน อย่างไรก็ตามการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และ REIT ยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลสม่ำเสมอและน่าสนใจในภาวะดอกเบี้ยยังคงแนะนำให้เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ควรมีในพอร์ตการลงทุน