HoonSmart.com>> “บีซีพีจี” ไตรมาส 2/62 ผลงานตามเป้ากำไรสุทธิ 464 ล้านบาท โต 20% จากงวดปีก่อน รับรู้รายได้เต็มไตรมาสโซลาร์ฟาร์ม อผศ. 2 โครงการและพลังงานลมลิกอร์ บาทแข็งได้กำไรค่าเงินหนุน ครึ่งปีกำไร 955 ล้านบาท เพิ่ม 24% มุ่งหน้าเติบโตต่อเนื่อง ขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ 4Es หวังเติบโตยั่งยืน
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2562 มีกำไรสุทธิ 464 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 76 ล้านบาท หรือ ประมาณ 20% โดยบริษัทฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความเข้มแสงในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้รับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร ร่วมกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อผศ.) รวม 2 โครงการ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปลายเดือนก.ค.2561 และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม “ลมลิกอร์” เดือนเม.ย.2562 คิดเป็นรายได้จากการขายไฟฟ้าที่ 848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดปีก่อน แต่อ่อนตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2561 ขณะที่บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 31 ล้านบาท จากสกุลเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินเยน หนุนกำไรเพิ่มขึ้น
ขณะที่ในช่วง 6 เดือนของปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185 ล้านบาท หรือ 24% จาก 770 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจากการดำเนินงานปกติ (ก่อนหักค่าตัดจำหน่าย) อยู่ที่ 166 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 หรือ 50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2561 มีสาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศฟิลิปปินส์ (ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้มีการเจรจาต่อรองเพื่อให้ดอกเบี้ยกลับมาสู่ระดับต่ำลงเรียบร้อยแล้ว) เและการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานประจำปีของบางหน่วยผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนิเซีย
ณ วันที่ 30 มิ.ย.2562 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 31,490 ล้านบาท ทรงตัวจากสิ้นปี 2561 ส่วนหนี้สินรวมอยู่ที่ 16,110 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยประมาณ 2%
“ผลงานไตรมาสที่สองของปีนี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัทฯ โดยมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่ลมลิกอร์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจโดยตั้งเป้า EBITDA เติบโต 15 – 20% ด้วยเงินลงทุน 50,000 ล้านบาท”นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับ 5 ปี (2563 – 2567) ใช้กลยุทธ์ 4Es ในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนขององค์กร ได้แก่ Expanding มุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ด้วยการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไปยังประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาโครงการในลักษณะ greenfield development ให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น Extending ขยายธุรกิจเพื่อรองรับทิศทางของธุรกิจพลังงานในอนาคต อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้าน Digital Energy เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงธุรกิจต่อยอดภายในกลุ่มบริษัทบางจาก เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (energy storage system) จากการลงทุนเหมืองลิเทียมของบางจากEnhancing การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ องค์ความรู้ในเชิงลึก พัฒนาศักยภาพของพนักงานและกระบวนการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ Evaluating บริหารสินทรัพย์ด้วยการติดตามการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนเมื่อได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า
ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทฯ ได้สมัครเข้าร่วมโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC Sandbox) ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สำหรับโครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ โครงการทาวน์สุขุมวิท 77 (T77) และโครงการพัฒนาต้นแบบเมืองอัจฉริยะ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU Smart City) เพื่อให้ได้รับการยกเว้นกฏระเบียบสำหรับการซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งจะเป็นการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐครั้งแรกในการกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อรองรับธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานในอนาคต เอื้อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของพลังงานมากขึ้น ภายใต้แนวคิด Democratization of Energy ของบริษัทฯ เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่เราได้รับทราบกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ด้านราคาหุ้น BCPG ณ เวลา 10.23 น. อยู่ที่ 19.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.51% มูลค่าการซื้อขาย 39.67 ล้านบาท