ASP ลดเป้าหุ้นปีนี้ 1,699 กำไรบจ.โตแค่ 5.6% ตลาดไทยแพงกว่าเพื่อนบ้าน

HoonSmart.com>> บล.เอเซียพลัส ลดเป้าดัชนีปีนี้เหลือ 1,699 จุด ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลง กดดันกำไรต่อหุ้นโตเพียง 5.6% ทำให้หุ้นไทยแพงกว่าหลายตลาดในเอเชีย   ก่อนหน้า บล.บัวหลวง และกสิกรไทยลดคาดการณ์หุ้น

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASP) เปิดเผยว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง ทำให้ฝ่ายวิจัยต้องปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ลง 2.25% อยู่ที่ 1.03 ล้านล้านบาท ได้กำไรต่อหุ้น 103.32 บาท เติบโต 5.6% จากปีที่ผ่านมา และปรับลดดัชนีเป้าหมายใหม่ปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1,699 จุด บนสมมุติฐาน Market Earning Yield Gap 4.28%

ทั้งนี้หากปรียบเทียบ Valuation ของหุ้นไทยกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค พบว่าความน่าสนใจในหุ้นไทยลดลง และ Expected P/E ที่ 16.2 เท่า ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่น และยังแพงกว่าตลาดหุ้นจีน ซึ่งอยู่ที่ 11.2 เท่า, อินโดนีเซีย 15.5 เท่า

ขณะที่แนวโน้มกำไรต่อหุ้นโต 5.6% ยังน้อยกว่าหลายๆประเทศในเอเชีย เช่น อินเดียโต 17.3%, ฟิลิปปินส์โต 9.3%, อินโดนีเซียโต 8.3%, และจีนโต 6.9% โดยรวมแล้ว ทำให้โอกาสการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยเริ่มจำกัด และเชื่อว่าเงินที่ไหลเข้ามาเร็วและแรง มีโอกาสชะลอลง

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนเน้น “เลือกซื้อ” และเลือกหุ้นที่มี Valuation โดดเด่นกว่าตลาดฯ ได้แก่ RS ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท และ SCCC ราคาเป้าหมาย 269 บาท

ราคาหุ้น RS จะถูกขับเคลื่อนจาก 3 ปัจจัย 1.ธุรกิจกลับมาเติบโตชัดเจน ในส่วนของธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) ที่เริ่มขายสินค้าผ่านช่องไทยรัฐตั้ง แต่ช่วงต้นเดือนมี.ค.2562 หนุนยอดขายในไตรมาส 2 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่

2.มาตราการช่วยเหลือจากภาครัฐ หนุนให้ค่าตัดจำหน่ายและดอกเบี้ยจากใบอนุญาตปีนี้ ลดลงกว่า 74 ล้านบาท 3.การประกาศลดทุนจากหุ้นซื้อคืน จำนวน 43.27 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.26% ของทุนฯ ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นปีนี้เพิ่มขึ้น ราว 4% จะหนุนกำไรปีนี้ให้เติบโตสูงถึง 53%

ส่วน SCCC หากไม่รวมค่าใช้จ่ายตามพ.ร.บ.แรงงานฉบับใหม่ พบว่า กำไรยังเติบโตต่อเนื่องตามแนวโน้มความต้องการใช้และราคาปูนซีเมนต์ในประเทศที่ฟื้นตัว, เก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากโครงการที่ลงทุนในตลาดต่างประเทศได้เต็มที่, สงครามการค้ากดดันราคาถ่านหินลดลงราว 28% ต้นทุนการผลิตตํ่าลง เพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร

ก่อนหน้านี้ บล.บัวหลวง ได้ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ลงเหลือ 1,670 จุด จากเดิมที่คาด 1,760 จุด เนื่องจากกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่เป็นสัดส่วนหลัก คือ บริษัท ปตท. (PTT) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ผลประกอบการไตรมาส 1ไม่ดีนัก

บล.กสิกรไทยปรับลดเป้าหมายดัชนีใน 12 เดือนข้างหน้าลงเล็กน้อยจาก 1,750 เหลือ 1,725 จุด  ภาพรวมตลาดยังอึมครึมอยู่ แต่เมื่อมีรัฐบาลใหม่ คาดว่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใหม่