บลจ.ภัทร มองแนวโน้มตลาดหุ้นผันผวนสูง ลูกค้าไฮเน็ตเวิร์คหันใช้บริการ “กองทุนส่วนบุคคล” ปีนี้เกือบหมื่นล้าน แนะลงทุนระมัดระวัง ชู “PHATRA SG-AA” ลงทุนหลายสินทรัพย์ทั่วโลก
นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ภัทร เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าดัชนีจะมีความผันผวนสูงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เช่นความตึงเครียดทางการค้าของประเทศสหรัฐกับจีน ที่อาจกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทยในบางอุตสาหกรรม รวมถึงความล่าช้าของโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งอาจกระทบการลงทุนและความเชื่อมั่นภาคเอกชน จึงมองกรอบดัชนีในปีนี้ระหว่าง 1,680-1,900 จุดและคาดการณ์เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,835 จุด
“เรายังมองบวกต่อตลาดหุ้น แต่ดัชนีคงไม่ขึ้น 20% เหมือนปีที่ผ่านมาแล้ว ต้องระมัดระวัง แม้ตลาดจะมีปัจจัยหนุนจากความต่อเนื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน สภาพคล่องในระบบการเงินยังอยูระดับสูงและอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำ รวมทั้งมีโอกาสที่จะเกิดกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่หลังราคาหุ้นของตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเริ่มตึงตัว ประกอบกับประเทศไทยมีดุลบัญชีเดินสะพัดและเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะดึงดูดกระแสเงินทุนไหลเข้าหากการเมือบมีเสถียรภาพและรัฐบาลสามารถข้บเคลื่อนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้”นายยุทธพล กล่าว
ส่วนเงินทุนไหลออกของต่างชาติจากกลุ่มตลาดเกิดใหม่นั้น ถือว่าตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกไปมากแล้ว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้น้ำหนักมากกว่าตลาด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น กลุ่มปิโตรเคมี จากราคาและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลดีจากกำลังซื้อในประเทศที่ปรับดีขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับไม่สูง แต่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง โดยการเลือกลงทุนของบลจ.ภัทรจะเน้นปัจจัยพื้นฐานรายตัวและราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันค่าธรรมเนียมซึ่งจะเห็นได้ชัดในไตรมาส 2 นี้
สำหรับกองทุนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดภัทร สตราทิจิค แอสเซ็ท อโลเคชั่น (PHATRA SG-AA) ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด โดยในพอร์ตลงทุนในหุ้นไทย 25% หุ้นต่างประเทศ 25% ที่เหลือเป็นตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทองคำ โดยผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 4-6% ต่อปี ส่วนผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำกองทุนเปิดภัทร แอ็กทิฟ อิควิตี้ (PHATRA ACT EQ) ลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตสูง
นายยุทธพล กล่าวว่า ในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ของบริษัท ณ วันที่ 31 มี.ค.2561 อยู่ที่ 9.01 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 6.40 หมื่นล้านบาทและกองทุนส่วนบุคคล 2.61 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าสินทรัพย์แตะ 1 แสนล้านบาทในปีนี้ จากปี 2560 ที่ผ่านมา
“เราไม่เน้นออกกองทุนใหม่มากๆ เพราะกองทุนเดิมที่มีอยู่เชื่อว่าเป็นทางเลือกลงทุนได้ เราจึงเน้นบริหารจัดการกองทุนเดิมที่มีอยู่ให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมามีเงินไหลเข้ากองทุนต่อเนื่องจนขนาดสินทรัพย์ของบลจ.ภัทรเติบโตขึ้นต่อเนื่อง”นายยุทธพล กล่าว
ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลในปีนี้มีเงินจากลูกค้าเข้ามาให้บลจ.ภัทรบริหารจัดการแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลงานการบริหารจัดการที่ผ่านมา รวมถึงปีนี้ตลาดผันผวนสูงมากจึงมีลูกค้ารายบุคคลรายใหม่เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยบัญชีลูกค้าขั้นต่ำ 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มไฮเน็ตเวิร์คที่เป็นเป้าหมายของบริษัท