HoonSmart.com>>ทริสมีมุมมองว่าอันดับเครดิตของ PTTEP ยังคงเหมือนเดิม หลังการซื้อธุรกิจเมอร์ฟี่ฯในมาเลเซีย ใช้เงินสด เพิ่มความแข็งแกร่ง สร้าง EBITDA ประมาณ 400-500 ล้านเหรียญ/ปี บล.ดีบีเอสฯมองซื้อได้ราคาถูก เพิ่มเป้ากำไร-ราคาหุ้น
บริษัททริสเรทติ้งมีมุมมองว่า อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) ไม่ได้รับผลกระทบ จากการซื้อธุรกิจของ บริษัท Murphy Oil Corporation (เมอร์ฟี่ ออยล์)ในประเทศมาเลเซีย มูลค่าประมาณ 2,127 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอาจมีการรับรู้มูลค่าการซื้อเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับผลของการพบปิโตรเลียมของแปลงสำรวจ โดย ปตท.สผ. จะใช้เงินสดที่มีอยู่ จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ณ เดือนธ.ค. 2561 บริษัทมีเงินสดในมือที่ 4,001 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ธุรกิจของ Murphy ในประเทศมาเลเซียประกอบด้วย การดำเนินการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวน 2 โครงการ การพัฒนาโครงการก๊าซธรรมชาติ 1 โครงการ และการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 2 โครงการ โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วและที่คาดว่าจะพบ (2P) ประมาณ 274 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (MMBOE) ตามสัดส่วนการลงทุน สำหรับปี 2561 นั้นมีปริมาณจำหน่ายปิโตรเลียมสุทธิ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (BOED)
ทริสเรทติ้งมองว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจของ ปตท.สผ. คาดว่าปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียจะเพิ่มขึ้นประมาณ 16% จาก 305,522 BOED ในปี 2561 (เมื่อพิจารณาผลกระทบเต็มปี) ในขณะทีปริมาณสำรองปิโตรเลียมของ ปตท.สผ. จะมีอายุเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณ 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ประมาณ 60-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงปี 2562-2564 โดยประมาณการ EBITDA ก่อนเข้าซื้อกิจการอยู่ที่ 3,500-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทริสเรทติ้งเชื่อว่า ปตท.สผ. จะยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง กิจการที่ซื้อในครั้งนี้สามารถให้ประโยชน์แก่บริษัทได้ในทันที และคาดว่าจะสร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนด้วย
ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของ ปตท.สผ. ที่ระดับ “AAA” และยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่ระดับ “AA” โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานปตท.สผ.จาก 135 บาท เป็น 143 บาท จากการซื้อกิจการในราคาไม่แพง คิดเป็นประมาณ 7.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับราคาซื้อขาย SEA เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ 9.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นอกจากนี้ได้สะท้อนดีลซื้อกิจการในประมาณการรายได้และกำไรในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ทำให้ปริมาณการขายในปี 2562-2563 เพิ่มขึ้นจากเดิม 7.5% และ 14.7% สูงขึ้นในระยะยาว ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี2562-2563 ขึ้น 8% และ 36%