ในช่วงนี้ “เปรมชัย กรรณสูต” ผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการผู้จัดการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) รายงานการขายหุ้น ITD ออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาหุ้นจะลงมาเหลือเพียง 2 บาทเศษก็ตาม
www.HoonSmart.com ได้รวบรวมข้อมูลการขายหุ้นของ”เปรมชัย”ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.-5 มี.ค.2562 ได้ขายออกจำนวน 28.66 ล้านหุ้น ในช่วงราคา 2.27-2.50 บาท/หุ้น ได้รับเงินทั้งสิ้น 69,137,599 บาท และคงเหลือจำนวน 645,268,806 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12.22% ของทุนที่เรียกชำระแล้วเท่านั้น
“เปรมชัย” ได้ขายหุ้นออกมาตลอดไม่ต่ำกว่า 5 ปีที่ผ่านมา(2558-2562) ปัจจุบันหุ้นส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนักลงทุนรายย่อย จำนวน 41,177 ราย รวมทั้งสิ้น ประมาณ 75% ของทุนเรียกชำระแล้ว
ลักษณะการขายหุ้นของ”เปรมชัย”ในแต่ละปี จะระบายออกเป็นช่วงๆ เช่น ในปี 2560 เลือกขายในเดือนมิ.ย.-ก.ค. และเดือนต.ค.-ธ.ค. จำนวน 20 ล็อต รวม 71.01 ล้านหุ้น ได้รับเงินทั้งสิ้น 298.80 ล้านบาท
ในปี 2561 ยังคงขายออกอีกจำนวน 13 รายการ รวม 42.51 ล้านหุ้น ได้เงินทั้งสิ้น 120.54 ล้านบาท ในระหว่างเดือนมิ.ย.-ส.ค.เท่านั้น
“หากพิจารณาจากพฤติกรรมการขายหุ้นของนายเปรมชัยที่ผ่านมา คาดว่าในปีนี้ยังคงมีหุ้นรอการขายอีกจำนวนหนึ่ง แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาก เหลือเพียง 2 บาทต้นๆก็ตาม ”
นอกจากนี้ พี่สาวของนายเปรมชัยคือ นางนิจพร จรณะจิตต์ ก็ได้ขายออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน อาทิในปี 2560 ขาย 2 ล็อต ในเดือนมิ.ย. จำนวน 3.78 ล้านหุ้น เป็นเงิน 17.05 ล้านหุ้น และปี 2561 ขาย 7 รายการ จำนวน 17.09 ล้านหุ้น ได้เงินประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนราคาขาย ได้สูงสุดที่ 3.03 บาท
ขณะเดียวกัน หุ้น ITD มีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุน คือ นายวิชัย วชิรพงษ์ หรือเสี่ยยักษ์ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2558 เข้ามาซื้อหุ้นต่อจากนายเปรมชัย จำนวน 7.08 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 7 บาท เป็นเงินจำนวน 49.56 ล้านบาท ข้อมูลล่าสุด นายวิชัยถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 4 จำนวน 148.55 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.81% ของทุนเรียกชำระแล้ว ส่วน นางนิจพร ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2 จำนวน 367,913,140 หุ้นจำนวน 6.97% จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 30 มี.ค. 2561
การขายหุ้นของ นายเปรมชัย คงมีหลายเหตุผล ไม่ได้มาจากผลการดำเนินงานย่ำแย่ เนื่องจากบริษัทพลิกมามีกำไรในปี 2560 จำนวน 412 ล้านบาท และปี 2561 มีกำไรสุทธิ 305 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้บริษัทขาดทุน ด้วยสาเหตุการลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้วไม่ประสบความสำเร็จ จนถึงขณะนี้ยังคงมีขาดทุนสะสมอยู่จำนวนหนึ่ง
แนวโน้มในปีนี้ ก็น่าจะมีกำไรที่ดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากรัฐเปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ทั้ง ITD,CK และ STEC
ขณะเดียวกันงานของเอกชนยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ITD คว้างานใหญ่หลายโครงการ อาทิ วัน แบงค็อก มิกซ์ยูส (โครงสร้างส่วนใต้ดิน) มูลค่า 8.25 พันล้านบาท และร่วมกับ สุมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ได้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญาที่ 3 มูลค่างาน 342.40 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และกิจการร่วมค้า สุมิโตโม- อิตาเลียนไทย รับงานก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชน นครธากา ประเทศบังกลาเทศ มูลค่างาน 8,677 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของ ITD 49% คิดเป็นมูลค่า 4,251.73 ล้านบาท
บริษัททริสเรทติ้ง ยกให้ ITD เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรับเหมาฯที่มีรายได้สูงสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อดีคือสามารถรับงานได้หลายประเภท ทั้งในและต่างประเทศ มีโครงการที่ยังไม่ส่งมอบ สูงถึง 150,242 ล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา มองแนวโน้มธุรกิจรับเหมาฯในทางบวกอีก 2-3 ปี จากนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ITD มีจุดอ่อนเรื่องฐานะการเงินอ่อนแอ มีหนี้สูงกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนสูง หากงานที่ได้มามาร์จิ้นไม่ถึง 8.5% มีความเสี่ยงขาดทุน รวมถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มานาน แต่ยังไม่ได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา
ทริสคาดว่าผลการดำเนินงานของ ITD จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้ ชนะงานประมูลใหม่เพิ่มขึ้น และประมาณการรายได้น่าจะเติบโตจาก 57,000 ล้านบาทภายในปี 2561 เป็น 70,000 ล้านบาทในปี 2564
ดังนั้นราคาหุ้น ITD ที่อ่อนตัวลง สวนทางกับผลการดำเนินงานและแนวโน้มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้น น่าจะเป็นจังหวะในการทยอยรับของได้…