HoonSmart.com >> “คอมเซเว่น” ลั่นปี 62 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 10% เติบโตทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมจัดงบ 300 ล้าน ลุยเปิดสาขาเพิ่ม 200 แห่ง มองตลาดไอที-สมาร์โฟนสดใส สินค้าแบรนด์ดังจ่อเปิดตัวกระตุ้นตลาดคึกคัก
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2562 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ด้วยจุดแข็ง COM7 เป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีครอบคลุมทุกแบรนด์ชั้นนำ มีการบริหาร Product mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกระจายพอร์ตไปยังสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตสูง และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เน้นการนำเสนอขายซิมและอุปกรณ์เสริมพ่วงควบคู่ไปกับสินค้ากลุ่มอื่น
กลยุทธ์การขยายสาขาปีนี้ ให้ครอบคลุมทุกตลาดสำคัญ ตั้งเป้าสิ้นปีมีสาขาจำนวน 847 สาขา วางงบลงทุนราว 300 ล้านบาท สำหรับใช้ขยายสาขาเป็นหลัก รวมทั้ง เข้าไปรุกลูกค้ากลุ่มองค์กร (B2B) จากปัจจุบันมีความแข็งแกร่งในธุรกิจลูกค้าทั่วไป (B2C) อยู่แล้ว สนับสนุนให้ COM7 มีสาขาและยอดขายที่แข็งแกร่งขึ้นในปี 2562 และการขยายสาขาของแฟรนไชส์จะช่วยให้ร้าน BaNANA สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีแฟรนไชส์ เปิดไม่ต่ำกว่า 100 สาขา จากสาขาทั้งหมดที่วางไว้
นายสุระ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดไอทีและสมาร์ทโฟนในปี 2562 ประเมินว่าจะสามารเติบโตและสร้างสีสันให้ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีการเปิดตัวสินค้าใหม่แบรนด์ดังหลายค่ายกระตุ้นตลาดให้คึกคัก โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟน อาทิ HUAWEI , SAMSUNG , OPPO และ VIVO ที่จะมีการทยอยเปิดตัวสินค้ารุ่นเรือธงในปีนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์จาก Apple ยังมั่นใจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง iPhone , Apple watch และ iPad รุ่นที่มีการใช้ Apple pencil รวมถึง สินค้ากลุ่มเกมมิ่ง โน๊ตบุ๊ค และอุปกรณ์เสริม คาดจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ได้
“ปี 2562 จะเป็นอีกปีที่ดีของ COM7 เราเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า และช่องทางในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ รวมถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่บริษัทฯ ใช้ประโยชน์จากการมีหน้าร้านอยู่ทั่วประเทศในการรับสินค้าได้ นอจากนี้ รับโอกาสการเติบโตจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมถึงกระแสของ 5G ที่กำลังเข้ามาเขย่าตลาดไอทีและสมาร์ทโฟนให้คึกคักในอนาคต ด้านผู้ผลิตแบรนด์ดังอัพเสปกสินค้าให้ทันสมัย ในราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ มีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง มีความต้องการสินค้าในระดับราคาที่ไม่สูงมาก COM7 ได้ประโยชน์จากการมีสินค้าที่ครอบคลุมทุกตลาด” นายสุระ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ งวดปี 2561 มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 27,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.9% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 22,531.2 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3,626.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,023.1 ล้านบาท กำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 891.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.4% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 608.8 ล้านบาท
ผลประกอบการเติบโตขึ้นตามแผนการขยายธุรกิจ มีการขยายสาขาภายใต้การบริหารของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 206 สาขา การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มใหม่และกลุ่มเดิม รวมทั้ง ได้รับการตอบรับจากการเปิดตัวสินค้าใหม่หลากหลายแบรนด์ดัง และการบริหาร Product mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น
ทั้งนี้ COM7 เป็นผู้นำร้านค้าปลีกที่มีสาขาครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ จากสิ้นปี 2560 มีสาขาภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทฯ รวมจำนวน 434 สาขา สิ้นปี 2561 มีจำนวน 646 สาขา ได้แก่ Banana 206 สาขา , Studio7 100 สาขา , Kingkong phone 100 สาขา , True shop by com7 จำนวน 92 สาขา , Banana Shopping (แฟรนไชส์) 50 สาขา , BKK 37 สาขา iCare 27 สาขา และอื่นๆ 34 สาขา ซึ่งมีการเติบโตที่ดี ในปี 2561 มีการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growth (SSSG)) อยู่ในระดับที่มากกว่า 10 % สะท้อนการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ แยกตามกลุ่มธุรกิจ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ธุรกิจค้าปลีก (B2C) เป็นการขายผ่านรายย่อย ในปี 2561 มีสัดส่วน 94% ของรายได้จากการขายและให้บริการทั้งหมด ส่วนที่เหลือ เป็นช่องทางอื่นๆ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) และ Service ที่มีสัดส่วน 6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 3% สะท้อนแผนการขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2B ของบริษัทฯ ได้เพิ่มขึ้น
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ กำหนดจ่ายปันผล วันที่ 24 พฤษภาคม 2562
ด้านราคาหุ้น COM7 มีแรงเก็งกำไรคึกคักตั้งแต่เปิดตลาด จนปิดที่ 18 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ +4.05% มูลค่าการซื้อขาย 271.87 ล้านบาท จากราคาเปิด 17.40 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดของวัน และสูงสุดแตะ 18.40 บาท