“ผู้จัดการกองทุน” ลดพอร์ตหุ้นกอดเงินสดเยอะ รอช้อนต่ำกว่า 1,750 จุด
นางพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี เปิดเผย “hoonsmart.com” ว่า กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ได้ปรับลดการลงทุนหุ้นลงมาตั้งแต่ดัชนีปรับตัวขึ้นแถว 1,800 จุดเพราะมองตลาดหุ้นไทยเริ่มแพงและแนวโน้มมีโอกาสปรับตัวลดลง ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 15-20% ของพอร์ต จากเดิมถือประมาณ 3-5% ส่วนกองทุนผสมที่ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 0-100% ก็เหลือหุ้นประมาณ 60-70% ของพอร์ต จากเดิมถือ 95-97%
“ตลาดหุ้นยังถูกกดันจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ เราจึงลดพอร์ตลงในช่วงดัชนีขึ้นแถว 1,800 จุด จึงมีเงินสดพร้อมกลับเข้าไปซื้อหุ้นแถว 1,700 จุดต้นๆ หรือต่ำกว่า 1,750 จุด”นางพัณณรัชต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามยังมองแนวโน้มตลาดหุ้นในครึ่งปีหลังยังได้ปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเม็ดเงินจากโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการเลือกตั้ง จึงยังคงเป้าหมายดัชนี 1,870 จุด
นายชาคริต พืชพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า กลุ่มหุ้นหลักที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดปีนี้จะเป็นกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มการแพทย์ ที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนการแข่งขันลดค่าธรรมเนียมของกลุ่มธนาคารทำให้รายได้ลดลง แต่เชื่อว่าธนาคารบางแห่งปรับกลยุทธ์ได้ จึงมองหุ้นกลุ่มนี้ยังน่าสนใจในบางตัว
น.ส.จินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนหุ้นของบริษัทได้เพิ่มการถือเงินสดมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนโยบายกองทุนของบริษัทเน้นลงทุนหุ้นเต็มพอร์ต แต่ช่วงที่ผ่านมามีการขายหุ้นออกไปบ้าง เนื่องจากตลาดขึ้นมาสูง จึงมีเงินสดเพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้มากนัก
น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า โดยรวมกองทุนหุ้นของ บลจ.กสิกรไทย ถือเงินสดประมาณ 5-10% สำหรับภาพการลงทุนในระยะไตรมาส 2 คาดว่าตลาดยังคงผันผวน จากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ประกอบกับความกังวลต่อเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวมากกว่าคาด จากการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ สูงขึ้นต่อเนื่อง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงกลับมาแข็งค่าขึ้น ทำให้อาจมีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ
“บลจ. กสิกรไทยคาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,750-1,800 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เรามองว่าหากดัชนีตลาดปรับตัวลงต่ำกว่า 1,750 จุดมองว่าเป็นจังหวะทยอยเข้าซื้อเพิ่มเติม”น.ส.ธิดาศิริ กล่าว
ด้านบลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า กองทุนหุ้นของบลจ.กรุงศรี ยังถือหุ้นค่อนข้างเต็มเกือบตลอดเวลาตามนโยบายของกองทุน โดยในปีนี้ยังไม่ได้เพิ่มการถือเงินสดเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด