ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนคาด ทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยยาวถึงเลือกตั้ง เงินเพิ่งมา ตลาดยังขึ้นน้อยกว่าภูมิภาค ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือน ก.พ.ดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน การเมืองชัดเจน กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ แบงก์ พาณิชย์ และท่องเที่ยว บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลแนะระดับเข้าซื้อแถว 1,600 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุน (FETCO) เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติได้กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย จะเห็นได้จากเดือน ม.ค.ซื้อสุทธิประมาณ 256 ล้านเหรียญสหรัฐ เชื่อว่าจะยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. เพราะที่ผ่านมายังขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงเงินทุนต่างชาติก็ยังเข้ามาไม่มาก

ส่วนหลังการเลือกตั้งแล้วเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าต่ออีกหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลว่ามีเสถียรภาพอย่างไร รวมถึงนโยบายของรัฐบาลใหม่จะต่อเนื่องจากนโยบายเดิมหรือไม่
สำหรับการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่าความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 25.07% มาอยู่ที่ระดับ 116.76 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มเป็นเดือนแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นสถานการณ์การเมืองที่มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน และเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลที่ลดลงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งในปีนี้เฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นก็ได้

ส่วนปัจจัยที่ยังสร้างความกังวลได้แก่สงครามการค้าที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็มีแนวโน้มน่าจะมีการตกลงกันได้ รวมถึงการพิจารณาข้อตกลง BREXIT ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ
“ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้นมากที่สุด ถึง 50% แสดงให้เห็นว่ามีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย”นายไพบูลย์กล่าว
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจได้แก่หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ, หมวดธนาคาร และหมวดพาณิชย์มากที่สุด ขณะที่มองว่าหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดเหล็ก และหมวดแฟชั่นไม่น่าสนใจ
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เพราะจะมีการเลือกตั้ง ฝ่ายวิจัยได้ประเมินว่าดัชนีหุ้นปีนี้จะอยู่ในกรอบ 1,600-1,850 จุด ระดับที่น่าสนใจเข้าซื้ออยู่ที่ 1,600 จุด กำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)คาดว่าจะเติบโต 7-8% กลุ่มที่ให้น้ำหนักได้แก่กลุ่มสุขภาพ , ธนาคารพาณิชย์ และพาณิชย์
นอกจากนี้ ได้แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นเอเซียแปซิฟิก คาดว่ากำไรของบจ.จะมีการเติบโต 6-8% ได้แก่ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยกอง REIT น่าสนใจ คาดว่าในปีนี้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว กลุ่มธนาคารก็น่าสนใจเช่นกัน แนะนำหุ้นแบงก์ในอินโดนีเซีย และอินเดีย
นายวินคาดว่า จีดีพีในปีนี้จะเติบโต 3.7% ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐ และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ส่วนการส่งออกคาดว่าจะทรงตัว
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในเดือน ม.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 1.29 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย จึงขายตราสารหนี้ไทย เพื่อไปลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดตราสารหนี้ของไทย ยังเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่ดี เห็นได้จากอัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตร 2 ปี และ 10 ปี ของไทยยังดีกว่าของสหรัฐ หากมีปัจจัยที่สร้างความกังวล เงินทุนต่างชาติก็มีโอกาสกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ไทยต่อไป
อ่านประกอบ
