กนง.เสียงแตก 4:2 คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.75% สงครามการค้า-หนี้ครัวเรือนขยับกดดัน เกาะติดค่าเงินบาทผันผวน ชี้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังมีความเหมาะสม
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้น ตามการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง ผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมทั้งผลจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอลง
ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้น นักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด การบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวตามรายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตร ที่ปรับตัวดีขึ้น และกระจายตัวมากขึ้น จากมาตรการภาครัฐ แต่ยังมีแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทย และโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน
“กนง.จะติดตามความเสี่ยงด้านต่างประเทศ ทั้งจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ส่วนหนี้ครัวเรือนมองว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นในไตรมาส 4 จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 77.8% ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ กนง.มีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ในครั้งนี้ด้วย”นายทิตนันทิ์ กล่าว
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ได้รับแรงกดดันจากราคาพลังงานที่ลดลง และมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากความผันผวนของราคาพลังงานและอาหารสด อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่สูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น ผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจ e-commerce การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าอดีต
นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า ภาวะการเงินที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบดอลลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเป็นสำคัญ โดยมองว่า ระยะข้างหน้า อัตราแลกเปลี่ยน มีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศ คณะกรรมการ จึงให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
ส่วนระบบการเงินโดยรวมยังมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการของตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย การปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การขยายสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมทั้งทิศทางการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนและกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้แรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศอาจชะลอลง กนง.เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้า โดยจะต้องติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป
