เฟด กดดอลลลาร์อ่อน หนุนหุ้น-ทองพุ่ง บาทแข็งต่อ ศก.ไตรมาส 4 โต

หุ้นไทย-ต่างประเทศขึ้นแรง ค่าเงินบาทแข็งต่อเนื่อง ทองคำวิ่งเข้าใกล้ราคาสูงสุดในรอบ 8 เดือนหลังจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากหลายปัจจัย โดยเฟดจะอดทนต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย ตลาดตีความอาจจะไม่ปรับขึ้นในปีนี้ บล.กสิกรไทยไปโรดโชว์สิงคโปร์-ฮ่องกงปลายเดือนม.ค. ต่างชาติไม่ได้มีมุมมองหุ้นไทยเป็นลบ

วันที่ 31 ม.ค. ค่าเงินบาทแข็งต่อ 31.22/24 บาทต่อดอลลาร์ และหุ้นบวก 9 จุด ระหว่างวันพุ่งแรง 17 จุด อ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไรของรายย่อยกว่า 5 พันล้านบาท และต่างชาติขายด้วย 1,305 ล้านบาท สถาบันรับทั้งหมด 6,839 ล้านบาท โดยนักวิเคราะห์ยังคงมองตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีผลให้ราคาทองคำล่วงหน้าปรับตัวขึ้นด้วย

นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นปีนี้มีความผันผวนน้อยกว่าปีก่อน แรงกดดันจากปัจจัยภายนอกลดลง คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง และสงครามการค้าสหรัฐกับจีนก็มีแนวโน้มเป็นบวก แต่ยังต้องระวังเรื่องราคาน้ำมันลดลง ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ หากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หากจะปรับขึ้น น่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 เพื่อรักษาส่วนต่างดอกเบี้ยกัยสหรัฐอเมริกา

“ทีมวิจัยได้ไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์และฮ่องกงในช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติไม่ได้มีมุมมองที่เป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย เพียงแต่นักลงทุนจากสิงคโปร์สอบถามเรื่องการเลือกตั้ง ส่วนนักลงทุนฮ่องกง ก็สอบถามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ซึ่งได้ชี้แจงว่านักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาดีขึ้นแล้วตั้งแต่ปลายปี 2561 ที่ผ่านมา” นายภาสกรกล่าว

สำหรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นในปีนี้อยู่ที่ 1,750 จุด คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในครึ่งปีแรก แนะนำให้ซื้อหุ้นบริษัท ซีพีออลล์ (CPALL)ราคาเป้าหมาย 82 บาท, หุ้นบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)เป้า 32 บาท และหุ้นบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH)เป้าหมาย 11.50 บาท มีอัตรา ผลตอบแทนปันผลที่ดี และสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากอง REIT อย่างต่อเนื่องได้อีก 3-5 ปีข้างหน้า

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 6 ก.พ.นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75%

ทางด้านเศรษฐกิจ นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย แม้ชะลอลงบ้าง แต่เป็นผลของฐานสูงเป็นสำคัญ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมและเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวก็ขยายตัวดี 7.7% อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ากลับมาหดตัว ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุน

“เศรษฐกิจ ในไตรมาส 4 ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 โดยอุปสงค์ในประเทศขยายตัวตามเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวในทุกหมวด ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวตาม” นายดอน กล่าว

ส่วนกรณีที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเดือน ก.พ.นั้น นายดอนกล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ อาจทำให้ผู้กู้ลำบากขึ้น แต่โดยรวมเท่าที่ประเมินยังไม่กระทบมากนัก และไม่ทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจเสียไป