“ปูนซิเมนต์ไทย” คาดกำไรปีนี้ได้รับผลกระทบจากตั้งสำรองตามกฎหมายแรงงานใหม่ 2 พันล้านบาท ลั่นยอดขายโต 5% ตั้งงบลงทุน 6 หมื่นล้านบาท จัด 3 หมื่นล้านบาท ลงทุนโครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม มองหาโอกาสซื้อกิจการแพคเกจจิ้ง วัสดุก่อสร้าง
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า ยอดขายในปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% มาจากการลงทุนของภาครัฐทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในไทยยังเติบโตประมาณ 3-5%
“ความต้องการใช้ปูนดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว คาดว่ายังดีต่อเนื่องจนถึงครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังรอดูสถานการณ์อีกครั้ง” กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าว
นอกจากนี้ นายรุ่งโรจน์ มองว่ายังได้รับผลดีจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการธุรกิจด้านปิโตรเคมี ทำให้มีกำลังการผลิตดีขึ้น และต้นทุนลดลง
สำหรับงบลงทุนในปีนี้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุน 4.6 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในปิโตรคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม 3 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 1.8 แสนล้านบาทใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2566 ส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตที่เป็นคอขวดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และลงทุนในธุรกิจแพคเกจจิ้งในฟิลิปปินส์ราว 5 พันล้านบาท รวมถึงการลงทุนวิจัยพัฒนาและลงทุนในธุรกิจสตาร์อัพอีกประมาณ 5 พันล้านบาท
บริษัทมีแหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท รวมถึงมีแผนออกหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบอายุใน เม.ย.นี้ และบริษัทก็ยังมีความสามารถในการกู้เงินได้
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า โครงการปิโตรคอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 ที่อินโดนีเซีย ที่บริษัทสนใจจะเข้าไปลงทุน ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องเงินลงทุน และสัดส่วนการถือหุ้น เพราะที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวน รวมถึงมีปัจจัยด้านสงครามการค้า จึงได้เลื่อนการตัดสินใจในต้นปี 2563
กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวว่า บริษัทยังมองหาโอกาสที่จะซื้อกิจการเข้ามาเพิ่ม ธุรกิจที่สนใจได้แก่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง และธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์ปีนี้ จะหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งการส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดในอินเดีย และสหรัฐ และจะนำนวกรรมเทคโนโลยี เข้ามาเพิ่มมูลค่าสินค้า เป็นการรองรับปัจจัยเกี่ยวกับสงครามการค้าและราคาน้ำมันที่ผันผวน
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน SCC กล่าวว่า บริษัทจะมีการตั้งสำรองประมาณ 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และการเกษียณอายุ ที่เป็นกฎหมายฉบับแก้ไข คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในครึ่งแรกปีนี้