บี.กริม เพาเวอร์ตั้งหลักวิ่ง ชัดเจน 3 โรงไฟฟ้า SPP กำลังผลิตรวม 390 เมกะวัตต์ได้รับการต่ออายุ สัญญา 25 ปี ขายไฟและไอน้ำส่วนใหญ่ให้ลูกค้าได้ราคาดีกว่า กฟผ. ทยอยรับรู้รายได้ปี 2565 ส่วน IPP พร้อมลงสนามแข่ง นักวิเคราะห์อย่างน้อย 3 ราย ฟินันเซียไซรัส กสิกรไทย โนมูระพัฒนสิน ยก BGRIM เป็นหุ้นเด่นที่สุดในกลุ่ม
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ และเห็นชอบให้ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ระบบ Cogeneration ที่สิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2559 -2568 นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อบริษัท เนื่องจากมีความชัดเจน โดยได้รับการต่ออายุโรงไฟฟ้า 3 โรง กำลังการผลิตโรงละ 130 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า 390 เมกะวัตต์ มีสัญญา 25 ปี คาดว่าจะทยอยรับรายได้ประมาณปี 2565 กำลังผลิตที่ได้ ขายไฟเข้าระบบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำนวน 30 เมกะวัตต์ ส่วนไฟและไอน้ำส่วนใหญ่ขายให้ให้ลูกค้า ที่มีความต้องการใช้จำนวนมาก และได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
“เรารอเวลามานานมาก ตอนนี้ชัดเจนแล้ว จะได้เดินหน้าต่อไปได้ สำหรับโรงแรกคงสร้างเสร็จไม่ทันกำหนด ขอเลื่อนเวลาได้ ไม่น่าจะมีปัญหา” นางปรียนาถ กล่าว
ส่วนแผนกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 56,431 เมกะวัตต์ ในช่วงปี 2561-2580 นางปรียนาถ กล่าวว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูล โดยเฉพาะการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP)บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และพร้อมจะลงทุน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การต่ออายุสัญญาให้ SPP ระบบ Cogeneration ทั้ง 25 โครงการที่ได้อนุมัติไปแต่เดิม เพียงแต่ว่ามีปัญหาความเข้าใจเรื่องระยะเวลาตามสัญญา ซึ่งมี 1 ราย เข้าใจว่าเริ่มตั้งแต่สิ้นสุดสัญญาปี 2560 แต่ข้อเท็จจริงตีความได้ว่า 1 รายซึ่งเป็น SPP รายแรกเวลาสิ้นสุดสัญญาปี 2559 ก็เลยมีการแก้ไขมติ กพช.ให้ครอบคลุมให้ชัดเจนขึ้น และมอบให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าภายใต้หลักการตามมติ กพช. ดังกล่าวสำหรับโรงไฟฟ้าที่กำลังจะสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2562-2564 และไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ทัน เพื่อให้สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้
ทางด้านนักวิเคราะห์มองบวกต่อ BGRIM โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ความชัดเจนเรื่องการต่ออายุโรงไฟฟ้า SPP หนุนการเก็งกำไร ซึ่งบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้า 3 โรง รวม 155 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตรวม 2,100 เมกะวัตต์ จะหมดสัญญาในปี 2019 และ 2022 แต่ระวัง Sell on Fact เนื่องจากหุ้นหลายตัวมีการเก็งกำไรขึ้นมาบ้างก่อนหน้านี้ รวมทั้ง BGRIM โดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยคาดกำไรปกติปี 2562 โตสูงต่อเนื่อง
บล.กสิกรไทย เลือกบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ โดดเด่นสุดในกลุ่ม เนื่องจากปัจจุบันมีสัญญาการขยายกำลังการผลิตที่แน่นอนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 2,254 เมกะวัตต์ ในปี 2565 ขณะที่ราคาหุ้นยังมี upside ราว 16%
บล.โนมูระ พัฒนสินยกให้ BGRIM เด่น และได้อานิงสงส์เงินบาทแข็งค่า ซึ่งทุกการแข็งค่าของเงินบาท 1 บาท/ดอลลาร์ จะส่งผลบวกกำไรปกติปี 2562 เท่ากับ 10%
นอกจากนี้ คาดว่า ในปีนี้ กำไรยังเป็นช่วงเติบโต 20.7% จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม และเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2565 จนมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2560 ขณะที่แรงกดดันจากการย้ายโรงไฟฟ้า BCPR1-2 และต่อสัญญา SPP ของ ABP1,2 และ BPLC1 ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากโครงการเกาหลีใต้ และ CLMV
อย่างไรก็ดีระยะสั้นคาดกำไรไตรมาส 4/2561 ลดลง จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และอัตรากำไรขั้นต้น จากต้นทุนก๊าซเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มกำไร 3 ปีนี้เติบโตดีมาก ทำให้ พี/อีลดลงได้ในปีหลัง ๆ คาดว่าในปีนี้ พี/อีลดลงเหลือ 22.4 เท่า อยู่ในระดับที่เหมาะสม