ดาวโจนส์ปิดลบ 300 จุด วิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลก ด้านรัฐสภายันไม่จัดสรรงบสร้างกำแพง ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วงยกแผง ราคาน้ำมันดิบลด 2%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 22 มกราคม 2562 ที่ 24,404.48 จุด ลดลง 301.87 จุด หรือ 1.22% จากที่ปิดทำการวันจันทร์เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เนื่องจากความวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(International Monetary Fund:IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2562 มาที่ 3.5% จากเดิม 3.7% และลดการเติบโตปี 2563 มาที่ 3.6% จากเดิม 3.7% ที่ประมาณการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม 2561 เป็นผลจากความขัดแย้งทางการค้าและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปี 2562 ของสหรัฐลงมาที่ 2.5% และเติบโต 1.8% ในปี 2663
นักลงทุนให้ความสนใจต่อเศรษฐกิจปี 2561 ของจีนที่ขยายตัว 6.6% เผยแพร่ในวันจันทร์ที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ ซึ่งเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 28 ปี นับจากปี 2533 เนื่องจากสะท้อนการชะลอตัวที่ชัดเจน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเองก็ฉุดตลาด โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ(NAR) เผยยอกขายบ้านมือสองเดือนธันวาคมลง 6.4% เป็น 4.99 ล้านยูนิต ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวว่าสหรัฐยกเลิกการเจรจาการค้ากับจีนที่กำหนดขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบข่าว ลาร์รี่ คุดโลว์ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ส่งผลให้ตลาดเด้งขึ้นจากจุดต่ำสุดของวัน
อย่างไรก็ตามตลาดยังวิตกต่อการปิดทำการของหน่วยงานรัฐที่ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ และไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายหลังจากรัฐสภาที่ครองเสียงส่วนใหญ่โดยพรรคเดโมแครตยืนยันไม่จัดสรรงบประมาณให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตามที่เสนอเพื่อสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก
นักลงทุนยังจับตาการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งความเห็นของผู้บริหารต่อภาวะเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,632.90 จุด ลดลง 37.81 จุด,-1.42 %
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,020.36 จุด ลดลง 136.87 จุด,-1.19%
หุ้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับจีนลดลง โดยหุ้นโบอิ้งลดลง 1.87% หุ้นแคทเธอพิลลาร์ลดลง 3.19%
หุ้นเฟซบุ๊คลดลง 1.65% หุ้นอเมซอนซึ่งมีสินค้าที่ผลิตในจีนลดลง 3.77% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ลดลง 4.11%
หุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสันลดลง 1.45% แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสสี่สูงกว่าคาด
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงกว่า 2% โดยหุ้นเชฟรอนลดลง 1.77%หุ้นเอ็กซอนโมบิลลดลง1.51% หุ้นมาราธอนปิโตรเลียมลดลง 1.27%และหุ้นฮาร์ลิเบอร์ตันลดลง 3.07% แม้ผลกำไรและรายได้ไตรมาสสี่สูงกว่าคาด
ตลาดยุโรปปิดลบ ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(International Monetary Fund:IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 2562 มาที่ 3.5% จากเดิม 3.7% และหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐเปิดซื้อขายในแดนลบจากที่ปิดทำการเมื่อวันอังคาร โดยแรงขายกระจายทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่
หุ้นยูบีเอสลดลงมากกว่า 3% หลังจากผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด เนื่องจากมีเงินไหลออกจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งราว 8 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,901.39 จุด ลดลง 69.20 จุด,-0.99%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 355.09 จุด ลดลง 1.27 จุด, -0.36%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,847.53 จุด ลดลง 20.24 จุด,-0.42%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,090.11 จุด ลดลง 46.09 จุด, -0.41%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.23 ดอลลาร์หรือ 2.3%ปิดที่ 52.57 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.20 ดอลลาร์หรือ 2% ปิดที่ 61.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์
