โบรกฯ มองแนวโน้มขึ้นขึ้นตามต่างประเทศ หวังเจรจาการค้าสหรัฐและจีนเชิงบวก น้ำมันดิบขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน ข่าวดีอียูปลดธงเหลือนำเข้าสินค้าประมงของไทย ผลดีหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารทะเล
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ มองแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดบวกตามตลาดต่างประเทศขานรับการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนส่งสัญญาณว่าจะมีความคืบหน้าด้วยดี นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวขึ้น เพื่อขานรับกับความคาดหวังทางออกเชิงบวกของปัญหาสงครามการค้าฯ
ในขณะที่ปัจจัยในประเทศ แม้จะยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งว่าจะเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากกำหนดเดิม 24 ก.พ.62 หรือไม่ จะต้องรอการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง สส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่คาดว่ายังอยู่ในกรอบเวลาเดือน พ.ค.62 ความไม่ชัดเจนเรื่องนี้ยังคงเป็นปัจจัยถ่วงตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตามมีข่าวดีที่สำคัญเพิ่มเติมเข้ามาคือ EU ประกาศปลดธงเหลืองต่อการนำเข้าสินค้าประมงของไทย เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มผู้ส่งออกอาหารทะเล คาดการณ์กรอบดัชนีวันนี้ 1,584-1,608 จุด หุ้นแนะนำ AP, TU, IVL
บล.กรุงศรี คาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,600 – 1,605 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว เนื่องจากได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนโดยทางสหรัฐมั่นใจว่าจะบรรลุข้อตกลงการค้าที่จะแก้ไขความขัดแย้งทุกอย่างและจีนจะเพิ่มการซื้อสินค้า-บริการจากสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องหลังการผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกเดือนธ.ค.ลดลง 460,000 บาร์เรล/วัน สู่ 32.68 ล้านบาร์เรล/วันซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและดัชนี อย่างไรก็ตามควรระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังดัชนีดีดตัวขึ้นตอบรับข่าวไประดับหนึ่งแล้ว รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่เป็น Net sell ต่อเนื่องซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง
บล.ฟินันเซีย คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ได้จากความคาดหวังเชิงบวกในประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนหลังล่าสุดทรัมป์กล่าวว่าการเจรจาเป็นไปด้วยดี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังขยับขึ้นต่อเนื่องทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงนำตลาด
อย่างไรก็ตามระยะสั้นดัชนีปรับตัวขึ้นมาพอสมควรและเข้าใกล้แนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,600 จุด ทำให้อาจเห็นแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมากดดันบ้าง แต่เชื่อว่าจะสามารถทะลุผ่านได้ในระยะถัดไปจาก Valuation หุ้นไทยที่ยังไม่แพงและเชื่อว่าการเลื่อนเลือกตั้งส่งผลกระทบจำกัด
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็ม คาดว่าดัชนีจะยังสามารถดีดตัวขึ้นต่อจากความหวังของผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน, การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว,คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/18 ของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 17% yoy และการฟื้นตัวต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบที่จะหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยให้แนวรับที่ 1590-1585 จุดและแนวต้านที่ 1600-1610 จุด
กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักในกลุ่ม พลังงาน ได้แก่ PTT, PTTEP, TOP ธนาคาร ได้แก่ BBL, KBANK, KKP ค้าปลีก ได้แก่ BJC, CPALL ท่องเที่ยว ได้แก่ CENTEL, ERW อสังหาฯ ได้แก่ LH, QH, SPALI เป็นหลัก และแนะนำซื้อเก็งกำไร CENTEL, KKP, PTTEP, QH, TU