บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ให้ธีมลงทุนปีนี้ “ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” มั่นใจตลาดหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากปรับลดลงในปีที่ผ่านมา แนะนำหุ้นไทย จีน เวียดนาม และ REITs เชียร์ช้อนหุ้นไทยที่ดัชนีต่ำกว่า 1,600 จุด คาดปีนี้มีโอกาสเห็น 1,850 จุด
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล หรือ CPAM กล่าวว่า ธีมการลงทุนสำหรับปี 2562 คือ “ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” เพราะเชื่อว่าหลังจากที่ตลาดหุ้นปรับลดลงเมื่อปี 2561 และปิดปลายปีด้วยฐานต่ำน่าจะทำให้ตลาดหุ้นในปี 2562 กลับมาสดใสได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ดังนี้
1. ความกังวลเรื่อง Trade War, Brexit และเศรษฐกิจชะลอตัวได้สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว และมีแนวโน้มคลี่คลาย
2. แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะช้าลง โดยคาดว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 2-3 ครั้งในปีนี้ แบบค่อยเป็นค่อยไป
3. Valuation หุ้นใน Asia-Pacific ปรับฐานลงทุนมาอยู่ในระดับต่ำจนน่าสนใจ และเริ่มเห็นกระแส Fund Flows ไหลเข้าบ้างแล้ว
สำหรับตลาดหุ้นไทยในปี 2562 นายวิน ประเมินว่า Valuation อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) 8-10% แต่คาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเคลื่อนไหว Sideway Valuation ในกรอบ 1,600-1,850 จุด
“แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย เมื่อดัชนีใกล้ 1,600 จุด หรือ ต่ำกว่า โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้น้ำหนัก คือ พาณิชย์ การแพทย์ และสาธารณูปโภค ซึ่งปัจจัยบวกภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก จากการเลือกตั้ง และเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทยมากขึ้น” นายวิน กล่าว
พร้อมกันนี้ นายวิน แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีนและเวียดนาม เนื่องจากมีปัจจัยในประเทศที่แข็งแกร่ง Valuation อยู่ในระดับน่าลงทุน โดยตลาดหุ้นจีนมี P/E 9.7 เท่า และต่ำสุดในรอบ 12 ปี จน โดยเฉพาะ A Shares ที่เริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้า ซึ่ง CLSA ประเมินว่า ตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 68%
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) โดยคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน Global REITs ประมาณ 3-5% นอกจากนี้ ในปัจจุบันราคาตลาดยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยแนะนำการลงทุนกลุ่ม Specialized Residential, Logistics, Data Centers โดยเน้นไปที่ยุโรป และญี่ปุ่น
ขณะที่ Asia-Pacific REITs คาดหวังเงินปันผลได้ 5-6% ต่อปี เนื่องจากอัตราการเช่าและค่าเช่า ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของ REITs ยังคงแข็งแกร่ง โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือ อาคารสำนักงาน (ไทยและสิงคโปร์) ค้าปลีก (ไทยและสิงคโปร์) และโกดังสินค้าในออสเตรเลีย
นายวิน ยังแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนทองคำ เมื่อราคาเข้าใกล้ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับราคาที่ใกล้เคียงกับต้นทุนหน้าเหมือง และยังคาดว่าปีนี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,200-1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์