คลังส่อถอยเกณฑ์ TISA แจงลดหย่อน 0.7 และ 1.3 เท่า เป็นแค่ตุ๊กตา

HoonSmart.com>>”คลัง” ส่งสัญญาณถอยเกณฑ์ “TISA”ยันตัวคูณ 0.7 และ 1.3 เท่า เกณฑ์รายได้ ยังเป็นตัวเลขสมมุติ หลักการจูงใจออมระยะยาวและมีความยืดหยุ่น กำหนดเพดานใหม่ รวมลดหย่อนลงทุนเป็น 8 แสนบาท  สร้างกลไกให้ค้ำประกันหลักทรัพย์เพิ่มสภาพคล่อง คาดชงเข้าครม.ภายในเดือนธ.ค. เริ่มมีผลบังตับใช้ปีภาษี 69

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการออม ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่ยังไม่มีหลักประกันหลังเกษียณ โดยหัวใจสำคัญคือการปรับโครงสร้างแรงจูงใจทางภาษีผ่านบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนระยะยาวรูปแบบใหม่ หรือ TISA เพื่อแก้ไขปัญหาในอดีตที่มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนอย่างกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือแม้แต่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) ที่มักเป็นมาตรการชั่วคราวที่มีการเสนอต่ออายุทุก 3-5 ปี  สร้างความไม่แน่นอนและทำให้เกิดการบิดเบือนตลาด ที่ผ่านมา ขาดทุน  25-30%  โดยรัฐสูญเสียรายได้ภาษีกว่า 4 หมื่นล้านบาท

นายเอกนิติ  กล่าวว่า จะมีการหารือเรื่องการให้แต้มต่อสำหรับการลงทุนตามเงื่อนไข อาทิ ลงทุนในกองทุน ESG หักลดหย่อนได้ 1.2 เท่า เบื้องต้นเรื่อง TISA มีการหารือกันใน ครม. เศรษฐกิจ คือการวางกรอบกว้างๆ ส่วนรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ พร้อมรับฟังและปรับปรุงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นธรรม ต้องการกระจายเม็ดเงินสู่คนตัวเล็ก ให้มีแรงจูงใจในการออมมากขึ้น

หลักการสำคัญของ TISA จะเป็นมาตรการระยะยาวถาวร วางแผนการออมได้ต่อเนื่อง โดยรวมวงเงินลดหย่อนภาษีทั้งหมดให้อยู่ภายใต้เพดาน 800,000 บาท ซึ่งครอบคลุมทั้งกองทุนรวม หุ้นไทย ประกันบำนาญ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อความยืดหยุ่น

“เกณฑ์ใหม่จะมีการยกเลิกเงื่อนไขเดิมที่จำกัดการซื้อกองทุนไว้ที่ไม่เกิน 30% ของรายได้ เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยออมได้เต็มที่โดยไม่ติดข้อจำกัดของฐานเงินเดือน รวมทั้งการออกพันธบัตรออมพลัส เปิดให้ประชาชนทั่วไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชันให้ซื้อได้ทุกเดือน และขายคืนได้ตลอดเวลา เพิ่มสภาพคล่อง นอกจากนี้ TISA ยังสามารถนำไปเป็นหลักประกันเพื่อเงินกู้ได้ด้วย พร้อมรับฟังความคิดเห็นก่อนนำเสนอเข้า ครม. ภายในเดือนธ.ค. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ปีภาษี 2569” นายเอกนิติกล่าว

วันที่ 11 ธ.ค.2568 กระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาว  ปัจจุบันการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการลงทุนและการซื้อประกันชีวิตแยกออกเป็นหลายก้อน ประกันชีวิตแบบบำนาญ (200,000 บาท) , RMF, กองทุนสำรองเลียงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ จะลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 500,000 บาท ส่วน Thai ESG ในปี 2569 ลดหย่อนได้ปีละไม่เกิน 300,000 บาท ปี 2570-2575 ลดหย่อนได้ 300,000 บาท

สำหรับรูปแบบใหม่ TISA รวมทุกรายการทั้งประกันชีวิต, RMF, PVD, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กอช., หุ้น, ETF, กองทุนรวมอื่น ๆ, ตราสารหนี้, Thai ESG (x1.X), Infra Fund (x1.X) ลงทุน XXX,000 บาท  สามารถลดหย่อนเทียบเท่าลงทุน 800,000 บาท

กระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้ 1.3 เท่า แต่ผู้มีเงินได้เกินกว่าปีละ 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้แค่ 0.7 เท่านั้น กระทรวงการคลัง ระบุว่ายังเป็นแค่ตุ๊กตาที่ตั้งไว้เบื้องต้น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป