HoonSmart.com>>’เฟด’หั่นดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด เป็นปรับลดครั้งที่ 3 ในรอบปี 68 ส่งสัญญาณปรับลดอีก 1 ครั้งปี 69 พร้อมจะเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เสียงตลาดส่วนใหญ่หวังเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด 2-3 ครั้ง เศรษฐกิจสหรัฐชะลอลงจากปีนี้

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า ในการประชุม FOMC วันที่ 9-10 ธ.ค. 2568 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 3 เสียงปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% ซึ่งเป็นการลดครั้งที่ 3 ติดต่อกันในปี 2568 ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดไว้ก่อนหน้านี้
การปรับลดอกเบี้ยครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญดังนี้ มุมมองของคณะกรรมการเฟดมีความแตกต่างมากขึ้นสะท้อนความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในปี 2569 โดย 9 เสียงสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สะท้อนความเชื่อว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอการจ้างงานอ่อนแรงลงและอัตราว่างงานปรับสูงขึ้น แม้เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ประธานเฟดสาขาชิคาโก Austan Goolsbee และประธานเฟดแคนซัสซิตี Jeffrey Schmid ลงคะแนนไม่เห็นด้วยต่อการลดดอกเบี้ย
ส่วนผู้ว่าการเฟด Stephen Miranเสนอให้ลดดอกเบี้ยถึง 0.50%ส่งผลให้การลงคะแนนครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562ที่มีกรรมการเฟดถึงสามคนไม่เห็นด้วยกับมติ
เฟดจะกลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้งหลังจากประกาศหยุดการปรับลดขนาดงบดุล(QT) ในการประชุม FOMC เดือนต.ค.2568 โดยในการประชุมครั้งนี้เฟดระบุว่าจะเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในวันที่ 12 ธ.ค.2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงินและเศรษฐกิจรวมทั้งช่วยให้เฟดสามารถควบคุมกรอบอัตราดอกเบี้ยในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เฟดส่งสัญญาณว่าการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมยังมีความไม่แน่นอนโดยยังคงคาดการณ์ลดดอกเบี้ยหนึ่งครั้งในอัตรา 0.25% ในปี 2569 มีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อรอความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เผยแพร่ในการประชุมครั้งนี้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจและปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2568-2569
ขณะที่คงคาดการณ์อัตราว่างงานคงเดิมเมื่อเทียบกับการประชุมก่อน หลังการประกาศผลการประชุม FOMC ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวลดลงและดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง หลังการส่งสัญญาณของประธานเฟด Jerome Powell มีความโน้มเอียงไปทาง Dovish มากขึ้น เน้นย้ำความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน ขณะที่ลดน้ำหนักความกังวลด้านเงินเฟ้อลง โดยมองว่าผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้ามีลักษณะเป็นครั้งเดียวและเงินเฟ้อน่าจะขึ้นถึงจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569 หากไม่มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่เพิ่มเติมในปี 2569
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเฟดมีแนวโน้มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 2-3 ครั้งมากกว่าค่ากลางของเฟดที่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งและสอดคล้องกับตลาดที่คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปีหน้า โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2569มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปีนี้ แม้การลงทุนด้าน IT ที่ยังคงแข็งแกร่งและผลความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวดีจะช่วยพยุงเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรการภาษีที่สูงขึ้น แต่สัญญาณอ่อนแรงเริ่มปรากฏทั้งในตลาดแรงงานและภาคการผลิต โดยแม้การลงทุนใน AI จะช่วยยกระดับผลิตภาพแต่อาจทำให้การจ้างงานลดลง ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็มีแนวโน้มชะลอลงโดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลาง
อย่างไรก็ดีจังหวะการปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ นอกจากนี้การสิ้นสุดวาระของประธานเฟด Jerome Powell ในเดือนพ.ค. 2569 เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดต้องจับตาซึ่งประธานาธิบดี Donald Trumpมีแนวโน้มเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ที่มีจุดยืนผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าเดิม
