HoonSmart.com>>ก.ล.ต.เผยดำเนินคดี JKN ทั้งแพ่ง-อาญา ไม่มีอำนาจห้ามผู้บริหารหนี พร้อมให้ข้อมูลตำรวจ ย้ำคดีแพ่งจัดการจบเร็ว ยอมรับความเชื่อมั่นฟื้นยาก แม้กว่า 700 บจ.ยังดำเนินการปกติ เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพป้องกัน-ปราบปรามผู้ทุจริต
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในกรณีบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษเรื่องการตกแต่งงบการเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องดำเนินต่อโดยตำรวจ อัยการ และศาล
ส่วนกรณีผู้บริหารหลบหนีออกนอกประเทศ ก.ล.ต.ไม่มีอำนาจห้าม แต่มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
การกระทำผิดในตลาดทุน เช่น การปั่นหุ้นหรือใช้ข้อมูลภายใน ล้วนเกิดจากเจตนาของผู้ทำผิด ทาง ก.ล.ต.มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตามหลักฐานที่มี โดยคดีอาญา ก.ล.ต.ทำได้เพียงกล่าวโทษ ไม่สามารถฟ้องเองได้ ขณะที่คดีแพ่งสามารถปรับและลงโทษกรรมการได้
“กรณี JKN มีการดำเนินการทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งเมื่อเข้าสู่คดีอาญาเป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป เพราะเมื่อไปอาญาเราทำได้เพียงกล่าวโทษ เราฟ้องเองไม่ได้ แต่ถ้าเป็นความผิดทางแพ่ง เราจะทำการปรับ และแซงชั่นกรรมการ”นางพรอนงค์ กล่าว
นางพรอนงค์ ยอมรับว่าความเชื่อมั่นในตลาดทุนสร้างได้ยาก แม้จะมีบริษัทกว่า 800 แห่ง แต่มีบางราย เช่น MORE, EARTH, STARK และล่าสุด JKN สร้างปัญหา แม้จะยังมีบริษัทอีกกว่า 700 แห่งที่ดำเนินงาน ไม่ได้มีข่าวอะไร แต่ก็กระทบความเชื่อมั่นของตลาด ที่ผ่านมาเร่งปรับปรุงกระบวนการบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ซึ่งเห็นผลชัดเจนเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน และพยายามให้ข้อเท็จจริง
พร้อมกับกล่าวว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถป้องกันการทำผิดได้ทั้งหมด แต่สามารถสร้างกลไกคัดกรอง เช่น การกำกับดูแลโดยคณะกรรมการ ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้สอบบัญชี หากพบการกระทำผิด ก.ล.ต.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยบางกรณีสามารถฟ้องแพ่งเพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่หากเข้าข่ายทุจริตต้องดำเนินคดีอาญา
“ทุกหน่วยงานในห่วงโซ่ตลาดทุนต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก.ล.ต.เป็นเพียงหนึ่งในกลไกของระบบ แต่พร้อมผลักดันให้การบังคับใช้กฎหมายเข้มแข็งและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ตลาดทุนไทย”นางพรอนงค์ กล่าว
———————————————————————————————————————————————————–
